ตลาดซึมจังหวะทยอยเก็บหุ้น บลจ.เชียร์หุ้นบิ๊กแคปรับเศรษฐกิจฟื้น- เงินไหลเข้า

15 พ.ค. 2560 | 00:00 น.
บลจ.มองแนวโน้มตลาดยังเป็นขาขึ้น จังหวะสะสมหุ้นไทยราคาถูกในภูมิภาค มองหุ้นใหญ่น่าสนใจ รับผลดีเศรษฐกิจโลกฟื้นเงินนอกไหลเข้า ส่วนหุ้นเล็กเริ่มแพง

นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับจึงมองว่าหุ้นไทยยังอยู่ในช่วงขาขึ้น แนะนำช่วงดัชนีย่อตัวลงเป็นจังหวะทยอยสะสมหุ้น โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ที่มีพื้นฐานดี

ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 9-23 พฤษภาคม 2560 บลจ.ทิสโก้ เปิดขายครั้งแรกของกองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นบิ๊ก (TISCOBIG) เน้นลงทุนหุ้นในดัชนี SET50 ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงสุด 20 อันดับแรก ถือเป็นบริษัทขนาดใหญ่ เป็นผู้นำตลาดที่มีศักยกาพในการแข่งขันสูง มีกำไรเติบโตมั่นคง สถานะการเงินแข็งแกร่ง

ด้านบลจ.ทหารไทยฯ มองว่า ปัจจุบันหุ้นไทยกลับมาเป็นตลาดที่ให้ผลตอบแทนน้อยเมื่อเทียบตลาดหุ้นในภูมิภาค จากปีที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนสูง จึงมองหุ้นไทยเริ่มน่าสนใจเมื่อเทียบพื้นฐานเศรษฐกิจของไทยที่เกินดุลบัญชีเดินสะพัด ทุนสำรองสูง เงินเฟ้อต่ำ ทำให้ทนทานต่อภาวะเงินทุนไหลออกและยังเป็นเหตุผลหลักดึงดูดเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติ โดยมองหุ้นขนาดใหญ่จะได้ประโยชน์จากภาวะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวชัดเจนขึ้นและกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้า ซึ่งกองทุนเปิดทหารไทย JUMBO25 เน้นลงทุนหุ้นขนาดใหญ่ 25 ตัว

นางสาวจินตนา เมฆินทรางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารทุน บลจ.แมนูไลฟ์ จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยยังไร้ทิศทาง เนื่องจากปีที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนค่อนข้างดี 19% สูงกว่าตลาดภูมิภาค ประกอบกับช่วงไตรมาส 2-3 หุ้นไม่ค่อยเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงปรับฐาน หลังจากนักลงทุนสถาบันและต่างชาติจัดพอร์ตลงทุนมาตั้งแต่ต้นปีแล้ว ประกอบกับเศรษฐกิจไทยไม่ได้เติบโตมากเมื่อเทียบประเทศในกลุ่ม TIP (ไทย อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์) ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านจึงได้รับความสนใจกว่า

“หลังงบบริษัทจดทะเบียนปี 2559 ออกมา ประกาศจ่ายเงินปันผล จนมาถึงงบไตรมาสแรกปีนี้ นักลงทุนบางส่วนขายทำกำไรรับข่าว ตลาดจึงไม่มีปัจจัยใหม่ ซึ่งมองไตรมาส 2-3 เป็นช่วงทยอยเก็บหุ้น เพื่อรอไตรมาส 4 หุ้นมักจะปรับตัวขึ้นและรอการลงทุนโครงการใหญ่ โดยยังคงเป้าดัชนีสิ้นปีนี้ 1,650 จุด”นางสาวจินตนา กล่าว

สำหรับหุ้นขนาดใหญ่น่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจชัดเจน ประกอบกับหุ้นมีความผันผวนน้อยกว่า อีกทั้งหุ้นขนาดเล็กปรับตัวขึ้นหลายปีต่อเนื่อง ทำให้ราคาหุ้นบางตัวแพงจนส่วนต่างของพี/อีราคาหุ้นขนาดใหญ่และเล็กห่างกันมาก ท่ามกลางภาวะตลาดแบบนี้หุ้นใหญ่น่าสนใจกว่า อีกทั้งบริษัทขนาดเล็กกำไรจะเติบโตค่อนข้างสูงในช่วง 2-3 ปีแรก หลังจากนั้นจะเติบโตได้ไม่มาก เนื่องจากฐานกำไรบริษัทใหญ่แล้ว

ส่วนแนวโน้มดอกเบี้ยของสหรัฐซึ่งตลาดคาดธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) การประชุมเดือนมิ.ย.นี้น่าจะปรับขึ้นนั้นไม่น่าจะทำให้เงินไหลออกจากหุ้นไทยมากนักเนื่องจากนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไปมากแล้ว โดยสายตาของผู้จัดการกองทุนมองหุ้นไทยไม่ได้โดนเด่นมาตั้งแต่ต้นปี หลังจากให้ผลตอบแทนสูงติดต่อกัน 2 ปี จึงเห็นการโยกเงินออกจากหุ้นไทยและตลาดเกิดใหม่มาตั้งแต่เฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา

“เม็ดเงินต่างชาติที่จะไหลกลับเข้ามาหุ้นไทยคงไม่มากเมื่อเทียบตลาดหุ้นกลุ่ม TIP จึงต้องรอดูโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC)ที่รัฐบาลจะพัฒนาขึ้นช่วยดึงดูดนักลงทุนต่างชาติได้แค่ไหน ซึ่งช่วงนั้นอาจมีแรงเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมและสื่อสารที่เกี่ยวกับการวางระบบ โครงข่ายที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์”นางสาวจินตนา กล่าว

ผู้จัดการกองทุนรายหนึ่ง มองว่า เงินลงทุนของต่างชาติคงไม่ได้กลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทยมากนักเมื่อเทียบประเทศในกลุ่ม TIP เติบโตได้ดีกว่า อีกทั้งหุ้นไทยขึ้นมามากในปีก่อน โดยเฉพาะหุ้นพลังงาน ขณะที่ปีนี้ราคาน้ำมันเคลื่อนไหวแคบๆ ทำให้หุ้นพลังงานไม่โดดเด่น การลงทุนจึงควรเน้นหุ้นรายตัวมากกว่าเลือกขนาดของหุ้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,261 วันที่ 14 - 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2560