กกพ.เปิดโซลาร์ฟาร์มราชการและสหกรณ์ระยะ2

01 พ.ค. 2560 | 06:37 น.
คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เดินหน้าออกประกาศ จัดหาไฟฟ้าจากโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน หรือโซลาร์ฟาร์ม สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร ระยะที่ 2 จำนวนไม่เกิน 219 เมกะวัตต์ ในอัตรารับซื้อแบบ FiT 4.12 บาทต่อหน่วย เดินหน้าตามแผนนโยบายภาครัฐที่มุ่งเน้นการส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน และเพื่อการปฏิรูปด้านพลังงานของประเทศ

นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน ในฐานะโฆษกของ กกพ. เปิดเผยว่า การจัดหาไฟฟ้าโครงการโซลาร์ฟาร์ม สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร ระยะที่ 2 ภายหลังที่ กกพ. ได้ออกระเบียบการจัดหาไฟฟ้าจากโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้ง บนพื้นดิน สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร พ.ศ. 2560 และตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2558 กำหนดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (SCOD) ของโครงการ ในระยะที่ 2 ไม่เกินวันที่ 30 มิถุนายน 2561 สำหรับพื้นที่ที่เหลือ โดยขณะนี้ กกพ. ได้ออกประกาศและหลักเกณฑ์การรับซื้อไฟฟ้าโครงการดังกล่าว มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2560 และนำเผยแพร่สู่สาธารณชนแล้ว

สำหรับระยะที่ 2 กกพ. จะกำกับการจัดหาไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ FiT โดยมีเป้าหมายปริมาณไฟฟ้ารวมทุกเขตพื้นที่ไม่เกิน 219 เมกะวัตต์ จากที่คงเหลือจากการจัดหาในระยะที่ 1 และมีกำหนด SCOD ไม่เกินวันที่ 30 มิถุนายน 2561 ซึ่งหน่วยงานราชการสามารถเสนอได้ 1 โครงการ ต่อ 1 ส่วนงานต่อ 1 พื้นที่ เช่นเดียวกันกับสหกรณ์ภาคการเกษตรเสนอได้ 1 โครงการและต้องไม่เป็นสหกรณ์ที่ผ่านการคัดเลือกที่มีสิทธิเข้าทำสัญญากับการไฟฟ้าตามประกาศ กกพ. เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2559

โดยแต่ละโครงการสามารถเสนอได้ต้องมีขนาดกำลังผลิตติดตั้งไม่เกิน 5 เมกะวัตต์ สำหรับอายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโครงการนี้มีระยะเวลา 25 ปี และจะได้รับอัตรารับซื้อไฟฟ้าแบบ FiT ที่ 4.12 บาทต่อหน่วย และต้องจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายภายในวัน SCOD ซึ่งต้องทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภายใน 120 วันนับจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้งผล หากไม่เข้าทำสัญญาภายในระยะเวลาที่กำหนดให้ถือว่าคำร้องและข้อเสนอขอขายไฟฟ้าเป็นอันยกเลิก
กกพ. ได้แบ่งเป้าหมายการจัดหาไฟฟ้า ออกเป็น หน่วยงานราชการ ไม่เกิน 100 เมกะวัตต์ และสหกรณ์ภาคการเกษตร ไม่เกิน 119 เมกะวัตต์ ตามการจัดหาพื้นที่ ดังนี้ กรุงเทพฯ และปริมณฑล เปิดรับซื้อไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มราชการ 25เมกะวัตต์ ,ภาคกลาง โซลาร์ฟาร์มราชการ 5 เมกะวัตต์ ,ภาคตะวันตกโซลาร์ฟาร์มราชการ 15เมกะวัตต์ ,ภาคตะวันออก โซลาร์ฟาร์มราชการ10 เมกะวัตต์,ภาคเหนือ เปิดโซลาร์ฟาร์มสหกรณ์ 19 เมกะวัตต์และราชการ5 เมกะวัตต์,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือโซลาร์ฟาร์มสหกรณ์ 50เมกะวัตต์ และราชการ 20เมกะวัตต์ และภาคใต้ เปิดโซลาร์ฟาร์มสหกรณ์ 50เมกะวัตต์และราชการ 20 เมกะวัตต์

“การคัดเลือกในครั้งนี้ แบ่งเป็น 2 ขั้นตอน ขั้นตอนแรก กกพ. จะพิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่ประสงค์จะเป็นเจ้าของโครงการรวมถึงความถูกต้อง ครบถ้วนของเอกสาร ศักยภาพระบบไฟฟ้าในเขตพื้นที่ที่ตั้งโครงการ เมื่อได้ผู้ที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว กกพ. จะใช้วิธีการจับสลาก เพื่อให้ได้ผู้ผ่านการคัดเลือกดำเนินการหาผู้ร่วมลงทุนโครงการของหน่วยงานราชการ หรือผู้สนับสนุนโครงการของสหกรณ์ภาคการเกษตร เพื่อมายื่นคำร้องและข้อเสนอขอขายไฟฟ้าในขั้นตอนที่สอง โดย กกพ. จะพิจารณาในรายละเอียดของคุณสมบัติผู้ร่วมลงทุนโครงการและผู้สนับสนุนโครงการ ได้แก่ ที่ตั้งโครงการ ทุนในการดำเนินโครงการ เทคโนโลยีที่ใช้ในการดำเนินโครงการ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง” นายวีระพล กล่าว

หน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตรที่ประสงค์จะเป็นเจ้าของโครงการ สามารถตรวจสอบจุดเชื่อมโยงระบบไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย ได้ตั้งวันที่ 8 – 19 พฤษภาคม 2560 โดยสามารถขอรับแบบคำขอตรวจสอบได้ ผ่านทางเว็บไซต์ของสำนักงาน กกพ. ที่ www.erc.or.th เพื่อนำมาเป็นเอกสารประกอบการยื่นคำขอเป็นเจ้าของโครงการ ซึ่งมีกำหนดการยื่นคำขอ ตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม ถึง 2 มิถุนายน 2560 ณ สำนักงาน กกพ. อาคารจัตุรัสจามจุรี ชั้น 19 และภายในวันที่ 14 มิถุนายน 2560 กกพ. จะประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ ณ สำนักงาน กกพ. และผ่านทางเว็บไซต์

และในส่วนของการจับสลาก กกพ. ได้กำหนดเป็นวันที่ 26 มิถุนายน 2560 โดยจะแจ้งสถานที่จับสลากและรายละเอียดต่างๆ ให้ทราบอีกครั้ง ทั้งนี้ กกพ. อาจเปลี่ยนกำหนดการในการจัดหาไฟฟ้าให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น หากมีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ กกพ. จะแจ้งผ่านทางเว็บไซต์สำนักงานต่อไป