ส.อ.ท.ผนึกพลังงานประหยัดพลังงานภาคขนส่ง

25 เม.ย. 2560 | 07:52 น.
ส.อ.ท. ผนึก กระทรวงพลังงาน หนุนผู้ประกอบการขนส่ง พัฒนา ส่งเสริมการใช้งานโปรแกรมบริหารจัดการขนส่งเพื่อการประหยัดพลังงาน รับมือความผันผวน

สถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)ร่วมกับกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงานจัดสัมมนาสรุปผลการดำเนินการภายใต้ “โครงการพัฒนาปรับปรุงและส่งเสริมการใช้งานโปรแกรมบริหารจัดการขนส่งเพื่อการประหยัดพลังงาน"ในวันอังคารที่ 25 เมษายน 2560 ณ ห้องกิ่งเพชร ชั้น 3 โรงแรมเอเชีย กรุงเทพเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โปรแกรมบริหารจัดการขนส่งที่ได้พัฒนาขึ้นภายใต้โครงการฯ เนื่องจากการแข่งขันที่สูงขึ้นในการให้บริการด้านขนส่งในอนาคต ผู้ประกอบการขนส่งไทยจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งพัฒนาระบบการบริหารงานขนส่ง เพื่อยกระดับมาตรฐานและความน่าเชื่อถือในด้านการบริการ รวมถึงการลดต้นทุนการขนส่ง โดยเฉพาะต้นทุนพลังงานที่มีความผันผวนและมีแนวโน้มสูงขึ้นในอนาคต

นายวีรศักดิ์  โฆสิตไพศาล ประธานคณะกรรมการบริหารสถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรมสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สภาอุตสาหกรรมฯ เล็งเห็นถึงโอกาส และความสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานและลดการใช้เชื้อเพลิงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการขนส่งทางบก เนื่องจากประเทศไทยยังคงพึ่งพาการขนส่งทางบกเป็นหลัก ซึ่งในปัจจุบันผู้ประกอบการภาคขนส่งและภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทย ส่วนใหญ่นั้นยังขาดเทคโนโลยีที่ช่วยในการบริหารงานและเก็บข้อมูลต่างๆในการขนส่ง จึงไม่สามารถวิเคราะห์หาแนวทางการปรับปรุงระบบการบริหารงานและการใช้พลังงานในการขนส่งให้มีประสิทธิภาพได้ ส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งของประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นทุนด้านพลังงานซึ่งปัจจุบันราคามีแนวโน้มเพิ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงควรส่งเสริมให้มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานและลดการใช้พลังงานให้กับผู้ประกอบการขนส่งในประเทศไทย เพื่อรับมือกับสถานการณ์ต้นทุนพลังงานและการแข่งขันที่สูงขึ้นในอนาคต

ด้วยเหตุดังกล่าว กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน จึงสนับสนุนให้ สถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ดำเนิน "โครงการพัฒนาปรับปรุงและส่งเสริมการใช้งานโปรแกรมบริหารจัดการขนส่งเพื่อการประหยัดพลังงาน ระยะที่ 2 (Enhancement and Encouragement of Logistics and Transport Management Application; LTMA2)" ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ได้มีการพัฒนาโปรแกรมบริหารจัดการขนส่งเพื่อการประหยัดพลังงาน โดยการศึกษาข้อมูลกระบวนการขนส่งของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ และทำการพัฒนาโปรแกรมที่มีส่วนฟังก์ชั่นต่างๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริหารงาน โดยโปรแกรมจะมีการเก็บรวบรวมข้อมูลการขนส่ง เพื่อให้ผู้ประกอบการนำข้อมูลต่างๆ มาวิเคราะห์หาแนวทางการพัฒนาระบบงานและการใช้พลังงานในการขนส่งของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ซึ่งกระผม หวังเป็นอย่างยิ่งว่า โปรแกรมบริหารจัดการขนส่งเพื่อการประหยัดพลังงาน จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยยกระดับประสิทธิภาพการบริหารงาน และลดการใช้พลังงานในสาขาขนส่ง รวมถึงเพิ่มความน่าเชื่อถือในการบริการให้กับองค์กรของท่าน และประเทศไทยอย่างยั่งยืน ต่อไป

ด้านนายธิบดี หาญประเสริฐ ประธานคณะทำงานโครงการพัฒนาปรับปรุงและส่งเสริมการใช้งานโปรแกรมบริหารจัดการขนส่งเพื่อการประหยัดพลังงานเปิดเผยว่า สิ่งสำคัญของการพัฒนาระบบการขนส่งในประเทศไทยคือการวิเคราะห์ข้อมูลการขนส่งเพื่อหาแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงาน โดยปัจจุบันผู้ประกอบการภาคขนส่งและภาคอุตสาหกรรมส่วนมากเป็นผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งยังขาดเทคโนโลยีที่จะช่วยในจัดการระบบงานขนส่งและเก็บข้อมูล ทำให้ไม่สามารถรวบรวมข้อมูล เพื่อวิเคราะห์หาแนวทางพัฒนาระบบบริหารงานและลดการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับแผนอนุรักษ์พลังงานในปี 2558 -2579ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยและการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(Asean Economic Community: AEC)โดยมีวัตถุประสงค์ในการลดการใช้พลังงานของประเทศคิดเป็นร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับการใช้พลังงานในปี 2553

ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าว กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาระบบบริหารงานและลดการใช้พลังงานในสาขาขนส่ง จึงสนับสนุนให้ สถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ดำเนินโครงการพัฒนาปรับปรุงและส่งเสริมการใช้งานโปรแกรมบริหารจัดการขนส่งเพื่อการประหยัดพลังงาน ระยะที่2 (Enhancement and Encouragement of Logistics and Transport Management Application; LTMA2)เพื่อจัดทำโปรแกรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงาน และลดการใช้พลังงานให้กับผู้ประกอบการภาคขนส่งและภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทย

นายธิบดี กล่าวว่า จากการดำเนินโครงการฯ เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 จนถึงปัจจุบันนั้น ได้มีการศึกษาข้อมูลกระบวนการขนส่งของผู้ประกอบการภาคขนส่งและภาคอุตสาหกรรมทั้ง 5คลัสเตอร์ ประกอบด้วย กลุ่มสินค้าทั่วไปกลุ่มผลิตผลการเกษตรกลุ่มวัสดุก่อสร้างกลุ่มอาหาร และกลุ่มเคมีภัณฑ์ เพื่อทำการวิเคราะห์และพัฒนาโปรแกรมบริหารจัดการขนส่งเพื่อการประหยัดพลังงาน ซึ่งประกอบด้วยส่วนต่างๆ 4 ส่วน คือ

1.      ส่วนเว็บไซต์ของโครงการ (LTMA Website)

2.      ส่วนการจัดการของผู้ดูแลระบบ (Back Office Application)

3.      ส่วนการจัดการของผู้ใช้ระบบ (Member User Application)

4.      ส่วนโมดูลขนส่งที่รองรับบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ (Smart Phone Application)

สำหรับผลการดำเนินงานภายใต้โครงการฯที่ผ่านมานั้น ได้มีการจัดทำโปรแกรมบริหารจัดการขนส่งเพื่อการประหยัดพลังงานที่สามารถรองรับการดำเนินงานขนส่งของผู้ประกอบการทั้ง 5คลัสเตอร์ และได้ขยายผลการใช้งานโปรแกรมไปยังผู้ประกอบการภาคขนส่งและภาคอุตสาหกรรมจำนวนมากกว่า 170 บริษัท โดยจัดอบรมการใช้งานโปรแกรมให้กับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อให้ทราบถึงหลักการใช้งานโปรแกรม และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการดำเนินงานขนส่งของบริษัทให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด