‘แบรนด์เนม’เร่งสปีดเปิดเกมเจาะคนรวยเพิ่ม หลังQ1โกยยอดขายอู้ฟู้

28 เม.ย. 2560 | 10:00 น.
อวดยอดขายไตรมาส 1 โตถ้วนหน้า จับตา“ลักชัวรีแบรนด์” เปิดเกมเจาะลูกค้าคนรวย ชูบริการ ดีไซน์ คุณภาพล่อใจ ชี้ครึ่งหลังปัจจัยเอื้อเพียบ แนะหาพาร์ตเนอร์ช่วยบริหารความเสี่ยง ขยายฐานลูกค้าเพิ่ม

ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมากลุ่มทุนหลายรายจะเป็นกังวลเรื่องกำลังซื้อ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าแฟชั่นที่ต่างหวั่นวิตกว่าจะทำตลาดอย่างไรเพื่อพยุงยอดขายในภาวะที่เศรษฐกิจยังผันผวน ชะลอตัว ทำให้เห็นทั้งการปรับทัพ ปรับกลยุทธ์การขายหรือแม้แต่ชะลอแผนลงทุนออกไป แต่สำหรับกลุ่มสินค้าหรู ที่เรียกกันติดปากว่า "ลักชัวรี่แบรนด์" นั้น กลับไร้ข้อกังวลจากปัจจัยลบ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าคนมีเงินกระเป๋าหนักยังจับจ่ายเลือกซื้อต่อเนื่อง เห็นได้จากแบรนด์เนม แบรนด์ดังที่เริ่มขยับตัว ขนทัพคอลเลคชั่นใหม่มานำเสนอ และยังเตรียมพร้อมไว้รอท่าในครึ่งปีหลังอีกด้วย

โดยนางสาวนิตนภา พันธุ์พิพัฒน์ ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์อาวุโสประจำแบรนด์เอมิลิโอ ปุชชี, จีวองชี่, โรเฌร์ วีวีเยร์ บริษัท พีพี กรุ๊ป จำกัด ผู้นำเข้าและทำตลาดสินค้าแฟชั่นลักชัวรี่จากต่างประเทศ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ภาพรวมของสินค้าลักชัวรี่ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมายังมีการเติบโตดี ไม่ได้รับผลกระทบใดจากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ชะลอตัว เป็นผลมาจากพฤติกรรมลูกค้าในระดับบนที่นิยมซื้อสินค้าจากความชื่นชอบ และประโยชน์การใช้งานเป็นหลัก กอปรกับมีปัจจัยบวกในเรื่องของนักท่องเที่ยวชาวต่างซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งกลุ่มลูกค้าหลักของตลาดสินค้าลักชัวรี่เข้ามาท่องเที่ยวและช็อปปิ้งในเมืองไทยมากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายในแต่ละแบรนด์มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

"มองว่าไตรมาส 2 จำนวนนักท่องเที่ยวยังทยอยเดินทางเข้ามามากขึ้น กอปรกับทาง ททท. ที่ออกมาประเมินจำนวนนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นชาวจีน รัสเซีย และยุโรปจะเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งจะส่งผลดีต่อยอดขายของสินค้าในกลุ่มลักชัวรี่ ขณะที่พฤติกรรมผู้ลูกค้าในตลาดระดับบนปัจจุบันเลือกซื้อสินค้าแฟชั่นจากความชื่นชอบ การใช้งาน รวมไปถึงความประทับใจในการบริการของแต่ละแบรนด์ ดังนั้นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญในการขยายฐานลูกค้าและสร้างแรงกระตุ้นคือเรื่องของบริการ ดีไซน์ ฟังก์ชั่นการใช้งาน ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ต้องคำนึงถึงในการทำตลาดในช่วงครึ่งปีหลังด้วย"นางสาวนิตนภา กล่าวและว่า

มู้ดในการจับจ่ายสินค้าเริ่มกลับมาตั้งแต่ต้นปี แม้ส่วนใหญ่จะยังคุมโทนเรื่องสีที่ไม่ฉูดฉาดมากนัก แต่เริ่มใช้เครื่องประดับเพชร หรือเครื่องประดับที่มีสีสันบ้างเล็กน้อย และเริ่มมองหาสินค้าแฟชั่นใหม่ๆ ในการสวมใส่ ทำให้ตลาดลักชัวรี่แบรนด์คึกคักและเติบโตขึ้น

ด้านนายนีลส์ เฮแลนด์เดอร์ กรรมการผู้จัดการ แพนดอร่า ประเทศไทยและรองประธานอาวุโสสายงานผลิต บริษัท แพนดอร่า โพรดักชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอัญมณีและเครื่องประดับแบรนด์แพนดอร่า กล่าวว่า ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาผลประกอบการของบริษัทมีการเติบโตสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากกำลังซื้อ และอารมณ์การจับจ่ายของผู้บริโภคที่เริ่มกลับมา ทำให้บริษัทต้องเตรียมแผนเดินหน้าสร้างแบรนด์ในประเทศและขยายตลาดไปยังประเทศใหม่ๆที่มีศักยภาพทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่น จีนและอินเดีย เป็นต้น ซึ่งถือเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพทางการเติบโตสูง โดยนำเสนอรูปแบบการทำตลาดที่เหมือนกันทั่วโลกคือให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพ ดีไซน์ที่หลากหลาย 7 คอลเลคชั่นต่อปี จากปกติที่แบรนด์จิวเวอรี่และเครื่องประดับมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ 2 คอลเลคชั่นต่อปี

ขณะที่นายไบรอัน ฮอลล์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็กซ์เซกคิวทีฟ ซีนิม่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้บริหารโรงภาพยนตร์เอ็มบาสซี ดิ โพลแมทสกรีน โรงภาพยนตร์สุดหรู กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า แม้สภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจะไม่มีผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคในระดับบน แต่ผู้ประกอบการก็ต้องเตรียมความพร้อมด้วยการบริหารจัดการความเสี่ยงด้วยการแลกเปลี่ยนฐานลูกค้า ผ่านกลยุทธ์พาร์ทเนอร์ชิพ เพื่อสร้างจุดขายให้มีความแตกต่าง โดยล่าสุดบริษัทได้ขยายพันธมิตรเพิ่มขึ้นอีก 3 รายจากเดิมที่มีอยู่ 8 ราย เพื่อขยายฐานกลุ่มเป้าหมาย ส่งผลให้มีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น 6-7 หมื่นราย และจะทำให้ยอดขายตั๋วหนังที่เกิดจากพันธมิตรเพิ่มขึ้นจนมีสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 60% และอีก 40% มาจากการเข้ามาซื้อที่หน้าโรง จากปกติที่มียอดขายตั๋วราว 8,000 ที่นั่งต่อเดือน โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มเป็น 1 หมื่นที่นั่งต่อเดือน

นอกจากนี้ยังทำการตลาดรูปแบบใหม่ ที่เรียกว่ามูฟวี่ มาร์เก็ตติ้งด้วยการจัดบมือกับรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์ ให้บริการ Movie Limo Service ด้วยรถลิมูซีนมูลค่า 40 ล้านบาท รับส่งลูกค้าเพื่อสร้างประสบการณ์ระดับซูเปอร์พรีเมียมที่มีกำลังซื้อสูงในกลุ่มลูกค้า VIP ที่ซื้อบัตร Embassy Gift Card มูลค่า 12,000 บาท และในอนาคตจะมีมูฟวี มาร์เก็ตติ้งในรูปแบบอื่นตามมาด้วย

“ปีนี้จากฐานผู้ชมและพันธมิตรที่ดีขึ้น รูปแบบการทำตลาดทำได้ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับปีก่อน บวกกับปัจจัยบวกต่างๆจึงทำให้ตั้งเป้าหมายที่จะเติบโต 10%

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,256 วันที่ 27 - 29 เมษายน พ.ศ. 2560