แจ้งเกิด‘ซีบาร์ท’มุ่งขยายแฟรนไชส์บุกธุรกิจออโตแคร์

19 เม.ย. 2560 | 06:00 น.
ธุรกิจด้านออโต้แคร์ในประเทศไทย มีทั้งผู้เล่นรายเล็ก รายย่อย และรายใหญ่ ถือเป็นตลาดที่มีการแข่งขันอย่างดุเดือด ซึ่งผู้เล่นแต่ละรายต่างก็มีจุดแข็ง – จุดขายที่แตกต่างกัน ล่าสุด คราทอส ออโต้เวิร์ค ก็กระโดดเข้ามาเป็นน้องใหม่ในธุรกิจนี้ และนำแบรนด์ “ซีบาร์ท Ziebart “จากประเทศสหรัฐอเมริกามาแจ้งเกิดในตลาดออโต้แคร์โประเทศไทย โดยมี ธนรักษ์ ธนันต์มณี กรรมการผู้จัดการ เป็นผู้ขับเคลื่อน ซึ่งวันนี้ฐานฯยานยนต์มีโอกาสได้สัมภาษณ์ผู้บริหารหนุ่มและพร้อมนำเสนอ...

 แบรนด์ซีบาร์ท คืออะไร
แบรนด์ “ซีบาร์ท Ziebart”ผู้นำในกลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการด้านออโต้แคร์แบบครบวงจร จากประเทศสหรัฐอเมริกา มีเครือข่ายให้บริการกว่า 400 แห่งใน 32 ประเทศทั่วโลก โดยให้บริการ 4 รูปแบบได้แก่ เทคโนโลยีเคลือบพ่นกันสนิม,การดูแลรักษาภายนอก อาทิ เคลือบแว๊กซ์,เซรามิก,เรซิ่น ,การดูแลรักษาภายใน อาทิ ดูแลเบาะผ้า-เบาะหนัง และ ติดฟิล์มกันรอย –ฟิล์มกันแดด แบรนด์ซีบาร์ท

 รูปแบบการให้บริการ
เราเริ่มเปิดแบรนด์ ซีบาร์ท ในเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา โดยมีศูนย์บริการแห่งแรกตั้งอยู่ที่ ศรีนครินทร์ ให้บริการหลักๆคือ ดูแลรักษาภายนอก และ ดูแลรักษาภายใน ซึ่งความแตกต่างของซีบาร์ทกับผู้ให้บริการรายอื่นๆ อาทิ การดูแลรักษาภายใน ที่มากกว่าการล้าง, ดูดฝุ่นทำความสะอาด แต่ยังเพิ่มการสตรีมพรมหรือการซักพรมด้วยไอน้ำ ฆ่าเชื้อโรคทำความสะอาดภายใน โดยไม่ทำร้ายเบาะหนังราคาแพงและเคลือบเบาะผ้าเบาะหนังเพื่อปกป้อง ส่วนการดูแลรักษาภายนอก อย่างการเคลือบแบบต่างๆ อาทิ เคลือบเซรามิกจะใช้เทคนิคเพิ่มความแวววาวของรถและปกป้อง

โดยมีรูปแบบการทำธุรกิจผ่านการขายแฟรนไซส์ ซึ่งสาขาแรกตั้งอยู่ที่ นนทบุรี มีการลงทุนกว่า 1ล้านบาท และเร็วๆนี้จะเพิ่มจำนวนแฟรนไชส์อีก 3 แห่งได้แก่ อุบลราชธานี ,ระยอง โซนลาดพร้าว กรุงเทพ คาดว่าภายในสิ้นปีจะเปิดให้บริการ 5 แห่ง และในปีหน้าจะเข้าไปรุกในหัวเมืองใหญ่ อาทิ เชียงใหม่ ,ภูเก็ต ,โคราช,ขอนแก่น และในกรุงเทพอีก 3 – 4 แห่ง

 ไม่มีค่าแฟรนไซส์
เราทำธุรกิจในรูปแบบแฟรนไซส์ แต่ไม่มีค่าแฟรนไซส์ โดยลูกค้าลงทุนเริ่มต้น 3.5 แสนบาท และมีพื้นที่ตั้งแต่ 100 ตารางเมตรก็สามารถทำได้ หรือขั้นต่ำต้องมีช่องซ่อมให้บริการ 2 ช่อง โดยค่าใช้จ่ายที่ลูกค้าเสียไปจะเป็นค่าอุปกรณ์ เครื่องมือ การตกแต่ง และไม่รวมค่าที่ดิน

 กลุ่มเป้าหมาย
เดิมทีเราวางกลุ่มเป้าหมายคือผู้ที่ใช้รถราคา 1 ล้านบาท แต่พอเปิดให้บริการจริงๆพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่ใช้รถที่ราคาเกิน 1 ล้านบาท ขณะที่การใช้จ่ายต่อครั้งของลูกค้าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.5 หมื่นบาทต่อครั้ง ส่วนราคาเริ่มต้นของเราอยู่ที่ 6,000 บาทสำหรับเรซิน โคท หรือ 1.8 – 2 หมื่นบาทสำหรับเคลือบแก้วเซรามิก

 กิจกรรมการตลาด
เราได้เข้าร่วมงานมอเตอร์โชว์ 2017 เพื่อเป็นการแนะนำแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก และเปิดขายแฟรนไซส์สำหรับผู้ที่สนใจจะเข้าร่วมธุรกิจกับเรา นอกจากนั้นแล้วยังมีแคมเปญกับบริษัทในเครือ GoPro โดยลูกค้าที่เคลือบเซรามิกซ์แบบ 4 ปี แถมฟรีกล้อง GoPro Hero5 Session มูลค่า 10,999 บาท และแพคเกจแบบ 6 ปี แถมฟรี GoPro Hero5 Black มูลค่า 14,999 บาท และในเร็วๆนี้จะทำการเปิดตัวฟิล์มกรองแสงแบบใสติดกระจกหน้ารถ เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของลูกค้า

ขณะเดียวกันมีการใช้กลยุทธ์สปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง ด้วยการเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการให้กับทีมแบงค็อก ยูไนเต็ด ที่มีนักเตะชื่อดังอย่าง มิก้า ชูนวลศรี และลีซอ ธีรเทพ วิโนทัย โดยรวมๆในปีนี้เราใช้งบประมาณทางการตลาดกว่า 10 ล้านบาท

 คู่แข่งมีใครบ้าง
การแข่งขันในตลาดนี้คู่แข่งเยอะมาก อย่างไรก็ดีเรามั่นใจเพราะบริษัทแม่คือพาราวินเซอร์ ที่มีความแข็งแกร่งหลายด้าน มีพันธมิตรทางธุรกิจซึ่งเป็นที่รู้จักอยู่แล้ว ประกอบกับเราจะเข้าหาลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมากขึ้น โดยอาจจะเข้าไปจัดกิจกรรมโรดโชว์ และที่จะเน้นในปีนี้คือการสร้างทีมขายเพื่อเข้าหาลูกค้าฟลีต

 เป้าหมายและแผนงานในอนาคต
เรายังไม่ได้ตั้งเป้าหมายรายได้ เนื่องจากต้องรอดูการตอบรับของตลาด คาดว่าจะต้องใช้เวลา 2- 3ปี หลังจากนั้นเราอาจจะเข้าไปขยายยังประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ลาว ,เมียร์มาร์ และกัมพูชา เนื่องจากได้รับสิทธิในการถือไลเซนต์ทั้ง 3 ประเทศ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,253 วันที่ 16 - 19 เมษายน พ.ศ. 2560