นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริ หารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษั ทในวันที่ 5 เมษายน อนุมัติให้เข้าซื้อและรับโอนกิ จการที่เกี่ยวข้องกับปิโตรเคมี สายโพรพิลีน สายเคมีภัณฑ์ชีวภาพ และธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องทั้ ง 6 บริษัท จากบริษัท ปตท. (PTT) การประเมินเบื้องต้นจะต้องใช้ วงเงินทั้งสิ้น 2.63 หมื่นล้านบาท แต่ไม่เกิน 2.68 หมื่นล้านบาท ซึ่งเงินลงทุนดังกล่ าวจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัท คาดการซื้อขายกิจการจะแล้วเสร็ จภายในเดือนตุลาคมนี้ ถึงเดือนเมษายน2561
“บริษัทจะได้รับประโยชน์ จากการนำผลิตภัณฑ์ของกิจการที่ ซื้อมาต่อยอดให้กับธุรกิจเดิม และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของบริ ษัทที่ต้องการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ มีมูลค่าสูงขึ้น และต้องการร่วมมือกับพันธมิตรชั้ นนำต่างๆ เพื่อก้าวเป็นผู้นำในธุรกิจปิ โตรเคมี”นายสุพัฒนพงษ์กล่าว
ส่วนการที่บริษัทตัดสินใจไม่ ขายหุ้นบริษัท วีนิไทย (VNT) ที่ถืออยู่ 24.98% ให้กับกลุ่มบริษัทอาซาฮี กลาส ที่ได้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้ งหมดของ VNT เป็นไปตามความแนะนำของที่ปรึ กษาทางการเงินอิสระที่ไม่เห็นด้ วยกับการชายหุ้น VNT ที่บริษัทถืออยู่ออกไป ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่ างรอผลการศึกษาของที่ปรึ กษาทางการเงินอิสระว่าจะมี แนวทางการร่วมมือด้านกลยุทธ์ (Synergy) กับทางกลุ่มอาซาฮี กลาส อย่างไร
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการของ PTTGC ในปี2560ยังคงเป้าหมายการเติบโต 25% จากปีก่อนที่มีรายได้ 3.46 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามทิศทางราคาน้ำมั นดิบที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 25% มาที่ระดับ 52-55 เหรียญ/บาร์เรล จากราว 41 เหรียญ/บาร์เรล ในปีก่อน ส่วนต่างผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 232 เหรียญ/ตัน จากปีก่อน 185 เหรียญ/ตัน