ทางออกนอกตำรา : จัดการ “ธรรมะ (โกย)” ล้างแก๊งเอาเงินวัดเล่นหุ้น

15 มี.ค. 2560 | 12:25 น.
ทางออกนอกตำรา   
โดย : บากบั่น บุญเลิศ 

จัดการ “ธรรมะ (โกย)” ล้างแก๊งเอาเงินวัดเล่นหุ้น

ในที่สุดเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า มีการนำเงินบริจาคของวัดพระธรรมกายไปเล่นหุ้น ก็ปรากฏภาพแห่งความเป็นจริงที่สะท้านใจคนพุทธ เมื่อมีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ถอดถอนสมณศักดิ์" พระทัตตชีโว "ออกจาก"พระราชภาวนาจารย์ ไพศาลศาสนกิจ"ที่ได้รับพระราชทานปี 2556 เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราชฝ่ายวิปัสนาธุระ

สาเหตุที่ถอดถอนพระทัตตชีโว ที่หมู่กัลยาณมิตรเรียกขานว่า “คุณครูไม่เล็ก” เพราะมีความผิดเข้าข่ายให้ที่พักพิงแก่พระธัมมชโย ผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน รับของโจร และคดีอาญาอีกหลายคดี    แต่ความผิดที่สำคัญที่อื้ออึงไปทั้งบ้านทั้งเมือง คือ ถูกถอดถอน เพราะเข้าไปเกี่ยวพันกับ “การนำเงินของวัดพระธรรมกายไปเล่นหุ้น" ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ที่ได้ตรวจสอบร่วมกับทีมอัยการพิเศษ เพื่อสาวเส้นทางการเงินกับผู้เกี่ยวข้อง ที่รับเช็คของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นหลายพันล้านบาท

ผมได้รับข้อมูลจากดีเอสไอในเรื่อง “เส้นทางการเงินบางส่วน” (ขอย้ำว่าแค่บางส่วนนะครับ) ที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯอดีตไวยาวัจกรวัดพระธรรมกาย สั่งจ่ายเช็คให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องกับวัดธรรมกาย สิริรวม 43 ฉบับ รวมเป็นเงิน 932 ล้านบาท บอกคำเดียวว่า เห็นแล้วอึ้งกิมกี่

กลุ่มแรก นายศุภชัย สั่งจ่ายเงินและเช็ค  ให้วัดพระธรรมกายและพระลูกวัด
กลุ่มที่สอง นายศุภชัย สั่งจ่ายเงินและเช็ค ให้ญาติธรรมและผู้ใกล้ชิดตนเองกว่า 50 คน
กลุ่มที่สาม นายศุภชัย สั่งจ่ายเช็คและเงิน ให้บริษัท เอส ดับลิวโฮลด์ดิ้ง และนายสถาพร วัฒนาศิริกุล อดีตพระวัดพระธรรมกายที่สึกออกไปไม่นาน โดยมีการนำเงินลงทุนในธุรกิจเหมืองแร่ 2,500 ล้านบาท
กลุ่มที่สี่ นายศุภชัย สั่งจ่ายเงินและเช็คไปให้สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน มงคลเศรษฐี ที่ธัมมชโยเป็นประธานที่ปรึกษา และนายศุภชัยเป็นผู้ก่อตั้ง ก่อนที่สหกรณ์แห่งนี้จะนำไปปล่อยกู้ให้ลูกศิษย์ไปทำบุญ
กลุ่มที่ห้า นายศุภชัย สั่งจ่ายเช็คและเงิน ไปให้สหกรณ์ยูเนี่ยนรัฐประชา นายวัฒน์ชานนท์ นวอิสรารักษ์ นายจีรเดช วรเพียรกุล  ก่อนนำไปซื้อที่ดิน 200 แปลง เพื่อบริจาคให้วัดพระธรรมกาย
กลุ่มสุดท้ายนายศุภชัย สั่งจ่ายเช็คเงินสด ไปยังกลุ่มบุคคลและกลุ่มสัมพันธ์สหกรณ์ทั้งในและต่างประเทศ

ผลจากการไซฟ่อนเงินออกจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นไปยังวัดพระธรรมกายของนายศุภชัย ทำให้สมาชิกจากสหกรณ์กว่า 76 แห่ง สมาชิกกว่า 56,000 คน ถอนเงินฝากของตัวเองไม่ได้อยู่จนทุกวันนี้ เจ้าหน้าที่ของดีเอสไอกับอัยการพิเศษสืบสวนแล้วพบว่า เงินจากการฉ้อโกงประชาชนผู้ฝากเงินกับสหกรณ์ฯ ที่มีการโยกย้ายถ่ายเทไปนั้น ถูกแบ่งออกเป็น 3 ก้อน

1.เงินบางส่วนเข้าวัด 2.เงินบางส่วนไปอยู่ที่กลุ่มพระและกลุ่มบุคคลภายนอก และมีการนำไปลงทุนทั้งในและต่างประเทศ 3.เงินอีกส่วนจำนวนไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท ถูกนำไปซื้อขายหลักทรัพย์หรือหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีนอมินีที่เปิดบัญชีมาเล่นหุ้น

ข้อมูลชุดนี้ คงไม่แตกต่างจากข้อมูลที่นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานคดีสอบสวน 3 ยอมรับว่า เงินที่ถูกโอนหรือโยกไปเล่นหุ้นทั้งหมดที่ตรวจพบมีกว่า 1,000 ล้านบาท เบื้องต้นพบว่ามีบริษัทโบรกเกอร์แห่งหนึ่งเป็นผู้ดำเนินการซื้อขายหุ้นให้ และมีพระที่ดูแลเรื่องเงินของวัดเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหลายรูป นายขจรศักดิ์ยังแบไต๋ออกมาอีกว่า เงินที่มีการนำไปเล่นหุ้น มีพ่อมดการเงินเซียนหุ้นชื่อย่อ ส. เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง

พ่อมดการเงินเซียหุ้นที่ชื่อ "ส." ที่มีการเอ่ยถึงในวัดธรรมกายเป็นใครไม่ได้ นอกจาก “สอง วัชรศรีโรจน์” ที่ถูกฟ้องว่าเป็นตัวการในการปั่นหุ้นบริษัทเงินทุน เฟิสท์ซิตี้ อินเวสเม้นท์  (FCI)  บริษัท รัตนการเคหะ ( RR) บริษัท กฤษดามหานคร  (KMC) ในอดีต แต่เขารอดจากมือกฎหมายมาได้

เสี่ยสองนั้น เป็นพี่ชายพระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ที่ถือว่าเป็นพระผู้มีอัจฉริยะ เรียนจบจากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจบด๊อกเตอร์จากมหาวิทยาลัยโตเกียว ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยธรรมกาย ในญี่ปุ่น 10 กว่าวัด และในสหรัฐ

ปัจจุบัน เสี่ยสอง ยังโลดเล่นในวงการหุ้นอยู่เช่นเดิม แต่แปลงกายออกไปในร่างของ “เสี่ยโทนี่” ที่เข้าไป ซื้อๆ ขายๆหุ้นในกลุ่ม HMPRO IEC  AJD WHA SAWAD SWANG LHBANK  CGS  MFC  มีการส่งไม้ต่อกับ เสี่ย อ.นักธุรกิจชื่อดังด้วย และส่งหลานสาวคือ สัณห์จุฑา วิชชาวุธ ทายาทของ สกล วัชรศรีโรจน์ เข้าไปโลดเล่นในตลาดหุ้นหลากหลายมิติ

ว่ากันว่า เสี่ยโทนี่ หรือเสี่ยสองยังมีสัมพันธ์โยงใยในการลงทุนกับ มโนทิพย์ จักรวาลธรรม นักลงทุนที่เข้าไปกว้านซื้อหุ้น บูติคนิวซิตี้ (BTNC) จากเครือสหพัฒน์ และเสี่ยอนันต์ อัศวโภคิน แห่งแลนด์แอนด์เฮ้าส์ รวมถึง “มาม่าบลู” ก็เป็นคนคุ้นเคย แม้ว่า การโลดเล่นในตลาดหุ้นของเสี่ยสองยุคนี้จะไม่หวือหวาและมีคนตามเท่า "เสี่ยป๋อง” วัชระ แก้วสว่าง  “เจ๊ศรีฟ้า” ศรีฟ้า แจ่มวุฒิปรีชา “เสี่ยจึง” วิชัย จึงทรัพย์ไพศาล เสี่ยปิง-ฐิติ กิตติพัฒนานนท์  เสี่ยไฮ้ ส้มตำคอนแวนต์ เสี่ยนเรศ งามอภิชน “เสี่ยปู่” สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล แต่ถือว่ายังขลัง

แต่ประเด็นพระวัดธรรมกายเอาเงินไปเล่นหุ้น ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องป้องปากซุบซิบนินทากันเสียแล้ว แต่นี่เป็นความจริง ที่วงการสงฆ์ของไทยต้องจารึกถึงความเสื่อมไว้ว่ามีการนำเงินวัดเปิดบัญชีเล่นหุ้นผ่านโบรกเกอร์ขนาดเล็กแห่งหนึ่งของโยมอุปัฏฐาก…

เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ดีเอสไอจะต้องตามลากหัวขบวนที่เอาเงินวัดไปหากำไรในตลาดหุ้นเท่านั้น แต่ถึงเวลาที่ต้องเร่งแก้ไข พ.ร.บ.คณะสงฆ์  เพื่อคุมเรื่องมรดกและทรัพย์สินของพระให้ตกเป็นของแผ่นดิน หรือของวัด  และเร่งแก้ไขในเรื่องการจัดการศาสนสมบัติเสียแล้วครับพี่น้อง…

คอลัมน์ : ทางออกนอกตำรา /หน้า6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ/  ฉบับ 3244 ระหว่างวันที่ 16-18 มี.ค.2560