'สิงห์ฯ'เทิร์นอะราวด์ เดินหน้าตลาดซูเปอร์ลักชัวรี

28 ก.พ. 2560 | 09:00 น.
นับจากกลุ่มสิงห์ เทกโอเวอร์บริษัท รสาพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) เมื่อปี 2557 เพื่อแจ้งเกิดในวงการอสังหาริมทรัพย์ พร้อมดำเนินกลยุทธ์ ซื้อและควบรวมกิจการ หรือ Mergers and Acquisitions (M&A) เร่งการเติบโต โดยมีงบลงทุนเพื่อการนี้โดยเฉพาะสูงถึง 1 แสนล้านบาท ภายใน 5 ปี หรือเฉลี่ยปีละ 2 หมื่นล้านบาท

ในปี 2558 ผลประกอบการบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด(มหาชน) ขาดทุน 260 ล้านบาท ถัดมาในปี 2559 ซึ่งเป็นปีแรกที่ดำเนินงานเต็มปีหลังจากซื้อกิจการ รสา สถานการณ์พลิกเป็นกำไร เพียง 9 เดือนแรก ผลประกอบการเป็นบวก มีกำไร 210 ล้านบาท อันเป็นผลพวงจากการซื้อและควบรวมกิจการ และการเปิดตัวโครงการ ดิเอส คอมเพล็กซ์ ด้านโรงแรมทั้งสันติบุรี และพีพี มีการเติบโตด้านรายได้สูงถึง 40% ดังนั้นในปี 2560 นี้ นริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สิงห์ เอสเตท มั่นใจว่าสามารถ"เทิร์นอะราวด์" อย่างเต็มตัว โดยเปิดเผยถึงแผนงาน ทิศทางและกลยุทธ์ขององค์กรดังนี้

 รุกคอนโดฯ-แนวราบไฮเอนด์

ในปีนี้มีแผนเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมและที่พักอาศัย 3 โครงการใหม่ในระดับซูเปอร์ลักชัวรี ได้แก่ คอนโดมิเนียมในโครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ บริเวณแยกอโศก-เพชรบุรี ในทำเลศักยภาพซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด โดยพร้อมเปิดตัวในไตรมาสแรกของปีนี้ ถัดมาคือโครงการคฤหาสน์ระดับ 6 ดาวบนถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา) และคอนโดมิเนียมหรูหราติดสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อ โดยทั้ง 2 โครงการตั้งอยู่ในทำเลทองซึ่งจับกลุ่มเซกเมนท์เอบวกโดยโครงการคอนโดมิเนียมที่สิงห์ คอมเพล็กซ์ จะเปิดตัวปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ และอีก 2โครงการจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4 โดยมีมูลค่าโครงการทั้ง 3แห่งรวมกันมากกว่า 15,000 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะทยอยเปิดตัวโครงการบ้านพักอาศัยภายใต้แบรนด์เนอวานาในปีนี้อีกอย่างน้อยอีก 4 โครงการ

  เล็งเพิ่มอาคารสำนักงาน

ธุรกิจอาคารเชิงพาณิชย์ โครงการหลักสำคัญคือสิงห์ คอมเพล็กซ์บนหัวมุมถนนอโศก-เพชรบุรี ซึ่งจะพัฒนาให้เป็นอาคารสำนักงานพรีเมียมที่ทันสมัย และดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ปัจจุบันการก่อสร้างมีความคืบหน้าแล้วประมาณ 15% ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะเป็นอาคารสำนักงานเกรดเอ ที่มีความสูง 44 ชั้น และมีพื้นที่ร้านค้าปลีก ร้านอาหารชั้นนำ และธนาคาร ที่รองรับความต้องการของพนักงานออฟฟิศและผู้อยู่อาศัยใกล้เคียง

ด้านอาคารสำนักงานซันทาวเวอร์ส บริษัทได้ปรับปรุงในส่วนลอบบี้ และพื้นที่ส่วนกลางโดยเปิดใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ที่ผ่านมา ทำให้โครงการซันทาวเวอร์ส ประกอบไปด้วยอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ 2 อาคาร มีพื้นที่สำนักงาน 123,000ตร.ม. และเพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น ห้องประชุม ฟิตเนสเซ็นเตอร์ ทำให้ในปี 2559 ที่ผ่านมามีรายได้เต็มกว่า 400 ล้านบาท หรือเติบโตเกือบ 4 เท่า

นอกจากนั้น ขณะนี้บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และขยายโซนพลาซ่า 2 เพื่อเพิ่มพื้นที่ร้านอาหารและฟูดเซ็นเตอร์เพื่อบริการผู้เช่า และผู้อยู่อาศัยใกล้เคียง รวมถึงมีแผนจะพัฒนาอาคารที่จอดรถในซอยวิภาวดีฯ เพื่อบริการผู้เช่าอาคารซันทาวเวอร์ส และอาคารสำนักงานแห่งใหม่ที่มีแผนจะก่อสร้างในปีหน้า

  โรงแรมแนวโน้มรายได้ดี

ในปีนี้บริษัทฯยังคงนโยบายเดินหน้าขยายธุรกิจไปในกลุ่มโรงแรมที่มีศักยภาพในการเติบโต โดยมีทีมงานที่มีความรู้ความสามารถรอบด้านเพื่อเข้าซื้อกิจการหรือร่วมทุนกับพันธมิตร โดยล่าสุดได้ร่วมทุนซื้อโรงแรมในสหราชอาณาจักรเพิ่มอีก3แห่ง ทำให้บริษัทเป็นเจ้าของโรงแรมรวม 29แห่งในอังกฤษ และ สกอตแลนด์

ส่วนในประเทศมีแผนพัฒนาห้องพักเพิ่มที่โรงแรมสันติบุรี รวมทั้งเดินหน้าสร้างแบรนด์สันติบุรี เพื่อเพิ่มรายได้และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจ ขณะที่โรงแรมพีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท มีการปรับปรุงห้องพัก รวมทั้งพื้นที่ส่วนกลางใหม่ทั้งหมด

โดยคาดว่าปีนี้ จะเป็นอีกหนึ่งปีที่ธุรกิจโรงแรมน่าจะมีผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องจากปี 2559 โดยที่ผ่านมาทำรายได้ 9 เดือนมากกว่า 730 ล้านบาท ซึ่งสูงขึ้น 37% จากปี 2558

“ในปี 2560 สิงห์ เอสเตท จะยังคงดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ระยะยาวในการพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพระดับ Bestin Class เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดี ควบคู่กับการขยายธุรกิจในตลาดซูเปอร์ลักชัวรีที่มีศักยภาพสูงและวางรากฐานอันแข็งแกร่งให้กับองค์กรโดยปลูกฝังแนวคิดการทำงานภายใต้หลักบรรษัทภิบาลให้กับพนักงานทุกคน นอกจากนี้เรายังเฟ้นหาพันธมิตรเพื่อผนึกกำลังและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนรวมทั้งสร้างแบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,239
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม พ.ศ. 2560