คมนาคมแจงโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย – จีน ยันค่าออกแบบแค่1%ของมูลค่าโครงการ

06 ก.พ. 2560 | 01:17 น.
กระทรวงคมนาคมออกเอกสารชี้แจงเกี่ยวกับแนวทางการดำนินงานโครงการรถไฟความเร็วสูงภายใต้ความร่วมมือระหว่างไทย – จีน มีรายละเอียดดังนี้

ตามที่ได้มีข่าว เผยแพร่ทางโซเชียลและสื่อออนไลน์เกี่ยวกับการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงภายใต้กรอบความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน จนอาจทำให้ประชาชนมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนต่อแนวทาง วิธีการดำเนินโครงการดังกล่าว กระทรวงคมนาคมขอชี้แจงข้อเท็จจริง ตลอดจนแนวทางวิธีการดำเนินโครงการระหว่างรัฐบาลทั้งสองประเทศ ดังนี้

1. ทำไมถึงต้องพึ่งพาการออกแบบ บุคลากรการออกแบบ และประสบการณ์การทางานจากบุคลากรต่างประเทศ ?

รัฐบาลทั้งสองประเทศได้มีความร่วมมือในอันที่จะพัฒนาโครงข่ายทางรถไฟความเร็วสูงในเส้นทางกรุงเทพฯ – นครราชสีมา – หนองคาย โดยดำเนินงานในช่วงแรก ได้แก่ เส้นทางจากกรุงเทพฯ – นครราชสีมา ซึ่งจะเป็นการเชื่อมโยงโครงข่ายรถไฟความเร็วสูงกับ สปป. และเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟจีนต่อไปยังยุโรป เนื่องจากบุคลากรที่มีอยู่ของไทย ยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการออกแบบรายละเอียด และดำเนินการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ซึ่งเป็นระดับการก่อสร้างที่ต้องใช้เทคโนโลยีที่สูงยิ่ง จึงมีความจาเป็นที่จะต้องพึ่งพาประสบการณ์ เทคโนโลยีทั้งระบบการก่อสร้างและระบบการเดินรถ และการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากมิตรประเทศที่มีการพัฒนาโครงข่ายทางรถไฟความเร็วสูงที่มีระยะทางมากที่สุดในโลกภายใต้ระยะเวลาที่รวดเร็วที่สุดในโลก และมีราคาค่าก่อสร้างตลอดจนระบบการเดินรถที่ยอมรับในสากลที่มีราคาที่มีความได้เปรียบเมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงในตลาดโลก อันจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้

ทั้งนี้ แนวทางการพึ่งพา บุคลากร ผู้มีประสบการณ์จากต่างประเทศในระยะเริ่มต้นของการพัฒนา เป็นแนวลักษณะเดียวกันกับการเริ่มต้นดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟนับตั้งแต่เริ่มต้นกิจการรถไฟในประเทศไทย ซึ่งในระยะแรกจำเป็นจะต้องมีวิศวกรจากประเทศเยอรมันและสหราชอาณาจักรเข้ามาดาเนินการออกแบบ และก่อสร้าง เพื่อเริ่มต้นดำเนินโครงการก่อสร้างในสิ่งที่ไม่เคยดำเนินการมาก่อน หรือในกิจการอื่นๆ ที่ประเทศไทยได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีผ่านแนวทางการปฏิบัติจากวิศวกรชาวต่างประเทศในกิจการสาคัญๆที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี กระทรวงคมนาคมได้ใช้ความรอบคอบอย่างสูงยิ่งในการเจรจากับมิตรประเทศ โดยจะได้ดำเนินการให้วิศวกรชาวต่างชาติที่เข้ามาดำเนินโครงการดังกล่าวจะต้องมีระดับทักษะความรู้ โดยผ่านการขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมในประเภทภาคีวิศวกรรมพิเศษ ภายใต้กฎหมาย

พระราชบัญญัติวิศวกร ฯ และวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุมในประเภทภาคีสถาปัตยกรรมพิเศษภายใต้ พระราชบัญญัติสถาปนิกฯ เพื่อเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายไทย อันเป็นการยืนยันถึงทักษะความรู้ความสามารถของบุคลากรเหล่านั้นเพียงพอต่อการเข้ามาดาเนินโครงการขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ รวมถึงการดำเนินการให้บุคลากรต่างชาติเข้ามาดำเนินงานดังกล่าวสามารถเข้ามาดำเนินงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากในกฎหมายพระราชกฤษฎีกากาหนดในอาชีพและวิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวทำ พ.ศ. 2522 ได้มีข้อยกเว้นให้บุคคลที่เข้ามาทำงานตามความตกลงระหว่างประเทศสามารถเข้ามาทางานได้อยู่แล้ว ทั้งนี้ รัฐบาลไทยและกระทรวงคมนาคมจะได้กำหนดให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ให้แก่บุคลากรชาวไทย คนไทย เพื่อใช้ในการต่อยอดและพัฒนาโครงข่ายทางรถไฟความเร็วสูงของประเทศไทยในลาดับต่อไปให้มากที่สุด เพื่อลดการพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญชาวต่างประเทศ รวมถึงจะได้กำหนดให้มีการใช้วัสดุภายในประเทศไทยให้มากที่สุด เพื่อประโยชน์ของการพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศ และระบบเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมต่อไป

2. จริงหรือไม่ที่ประเทศไทยต้องสูญเสียค่าออกแบบนับเป็นจำนวนถึง 10,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่สูง และจะทำให้สูญเสียสถาปัตยกรรม ศิลปวัฒนธรรม ของไทยอันเป็นเอกลักษณ์ ?

กระทรวงคมนาคมขอเรียนยืนยันว่ามูลค่าการออกแบบโครงการรถไฟความเร็วสูงดังกล่าวไม่เป็นความจริง และคลาดเคลื่อนต่อข้อเท็จจริงเป็นอย่างมาก โดยค่าออกแบบในโครงการความร่วมมือดังกล่าวจะมีมูลค่าการว่าจ้างออกแบบรายละเอียดประมาณร้อยละ 1 ของโครงการ ซึ่งเป็นอัตราตามมาตรฐานราคากลางที่กฎหมายกำหนด กล่าวคือมีมูลค่าประมาณ 1,779 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการรวมประมาณ 179,000 ล้านบาท อีกทั้งวงเงินรวมมูลค่าโครงการก็ได้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบส่งผลให้มีกรอบวงเงินลดลงถึงประมาณ ร้อยละ 20 จากกรอบมูลค่าวงเงินลงทุนที่ได้รับการเสนอมาในเบื้องต้น สาหรับการรักษาอัตลักษณ์ เอกลักษณ์ ศิลปวัฒนธรรมไทย ในงานสถาปัตยกรรม นั้น ขอเรียนว่า กระทรวงคมนาคมได้เปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษา และประชาชนผู้ที่สนใจ ร่วมในการออกแบบกรอบแนวคิดการออกแบบงานสถาปัตยกรรมอาคารสถานีรถไฟความเร็วสูงของไทยตลอดแนวสายทางโครงการดังกล่าวไว้โดยทั้งสิ้นแล้ว ซึ่งได้รับความสนใจ และได้รับความร่วมมือจากประชาชนเป็นจำนวนมาก จนในขณะนี้ ได้ข้อสรุปของกรอบแนวคิดในการนามามอบให้ที่ปรึกษาโครงการออกแบบรายละเอียดรับไปดำเนินการจัดทารายละเอียดเพื่อดำเนินการก่อสร้างต่อไปแล้ว

3. จริงหรือไม่ที่ไทยได้รับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงกว่าในตลาดเงินอื่น ๆ เพื่อใช้ในการลงทุนโครงการ ?

กระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลังได้ร่วมมือกันในการพิจารณาถึงแหล่งทุนในการดาเนินโครงการมาโดยตลอด และได้พิจารณาถึงแหล่งทุนทั่วไปอื่น ๆ ที่สมเหตุผล และมีอัตราที่ยอมรับว่าได้รับการสนับสนุนจากมิตรประเทศ เพื่อรักษาไว้ซึ่งความเหมาะสมและต้นทุนในการดาเนินโครงการที่ต่าที่สุด ดังนั้น ข่าวที่เผยแพร่ที่พยายามชี้ให้เห็นว่ารัฐบาล กระทรวงคมนาคม และกระทรวงการคลัง ได้ตกลงที่จะใช้อัตราดอกเบี้ยที่สูง นั้น จึงไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ทั้งนี้ การพิจารณาในเรื่องแหล่งเงินทุนยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงการคลังให้ได้ข้อยุติในเร็ววัน โดยมีนโยบายที่ชัดเจนในการคงไว้ซึ่งต้นทุนทางการเงินที่ต่าที่สุดในการดาเนินงาน

4. ใครบริหารการเดินรถเมื่อโครงการแล้วเสร็จ ?

เมื่อพิจารณาจากประสบการณ์ในต่างประเทศ เช่น ประเทศสเปน อันเป็นประเทศล่าสุดที่ได้มีการพัฒนาโครงการความเร็วสูงในยุโรป เมื่อเริ่มต้นในการพัฒนาโครงข่ายรถไฟความเร็วสูงจะมีข้อกาหนดในขอบเขตของงานให้ผู้ผลิตงานระบบและตัวรถไฟความเร็วสูงจะต้องเข้ามาถือหุ้นในการการเดินรถในระยะแรก ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกันกับประเทศ อื่น ๆ อันเป็นสากลในโลก ที่เพิ่งเริ่มต้นในการดำเนินกิจการ อันเนื่องมาจากประโยชน์ที่จะได้รับจากการถ่ายทอดประสบการณ์การเดินรถที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการเดินขบวนรถ การรักษาสภาพทาง และการซ่อมบารุงระบบการเดินรถ ทาให้เกิดความปลอดภัย เช่นเดียวกันกับแนวทางของประเทศไทยที่จะได้รับประโยชน์หากได้รับการถ่ายทอดประสบการณ์การบริหารจัดการโครงการจากมิตรประเทศ ตลอดจนการร่วมหาพันธมิตรในการทาการตลาดจากต่างประเทศที่มีแนวสายทางเชื่อมโยงระหว่างกันต่อไป ในลักษณะของการร่วมทุนในการบริหารจัดการเดินรถ ภายใต้กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของไทย ซึ่งจะเป็นการเข้าร่วมรับความเสี่ยงในการบริหารกิจการ อันเป็นผลดีอย่างยิ่งต่อฝ่ายไทย ซึ่งในเรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจาทั้งสองฝ่ายให้ได้ข้อยุติต่อไป.

กระทรวงคมนาคมจึงขอเรียนข้อเท็จจริงให้ทราบ ทั้งนี้ขอยืนยันว่าการดำเนินงานโครงการรถไฟความเร็วสูงดังกล่าว จะตั้งอยู่บนพื้นฐานของการรักษาประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสาคัญ และจะกระทำไปด้วยความรอบคอบ รัดกุม เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และได้รับความเชื่อถือ สนับสนุนจากประชาชนอย่างถึงที่สุดต่อไป