ปล่อยกู้ไทยแลนด์4.0 ‘อิเล็กฯ-เหล็ก-เอสเอ็มอี’เสี่ยงหนี้เสีย

03 ก.พ. 2560 | 10:00 น.
กรุงศรีฯตั้งเป้าสินเชื่อโต 6-8% เกาะโครงการรัฐไทยแลนด์ 4.0 พร้อมขยายรายย่อยต่อเนื่อง จับตาเอสเอ็มอียังมีหนี้เสียเพิ่ม ด้านกสิกรไทยห่วงเอ็นพีแอลอิเล็กทรอนิกส์และกลุ่มเหล็ก

นายโนริอากิ โกโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้ธนาคารตั้งเป้าหมายเติบโตสินเชื่อรวมอยู่ที่ 6-8% จะมาจากกลุ่มธุรกิจที่สอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจภาพรวม และนโยบายอุตสาหกรรมไทยแลนด์ 4.0 เช่น กลุ่มเทคโนโลยี อาหาร การแพทย์ เป็นต้น

รวมถึงเข้าไปมีส่วนร่วมในการปล่อยสินเชื่อในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ เช่น รับเหมาก่อสร้างจากงานโครงการภาครัฐ ที่ปัจจุบันเริ่มมีภาคธุรกิจรายใหญ่เข้ามาติดต่อขอสินเชื่อโปรเจ็กไฟแนนซ์ เพื่อรับงานของภาครัฐบ้างแล้ว คาดการเติบโตสินเชื่อรายใหญ่ปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่าปีก่อนอยู่ที่ 8%

อย่างไรก็ตามสินเชื่อปีนี้จะเติบโตได้ดี แต่มีบางกลุ่มที่ธนาคารยังต้องระมัดระวัง เช่นกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี)ที่ยังมีความอ่อนแอ และได้รับผลกระทบมากกว่าภาคธุรกิจอื่นๆ โดยเฉพาะเอสเอ็มอีที่มีขนาดวงเงินสินเชื่อตั้งแต่ 3-12 ล้านบาท พบว่ามีปัญหาด้านธุรกิจค่อนข้างมาก ทำให้ธนาคารต้องพิจารณาสินเชื่อให้กับกลุ่มเอสเอ็มอีอย่างระมัดระวังมากขึ้น

ทั้งนี้คาดว่าธุรกิเอสเอ็มอีมีโอกาสเติบโตได้ต่ำกว่าหรือขยายตัวใกล้เคียงของปีก่อนอยู่ที่ 6.5% ขณะที่ธุรกิจรายย่อยคาดว่าเติบโตต่อเนื่องโดยจะเห็นการเติบโตด้านสินเชื่อโตเป็น 2 หลัก จากปีก่อนขยายตัวได้ 19.5% โดยเฉพาะเติบโตจากธุรกิจรถยนต์ และสินเชื่อบ้าน บัตรเครดิต เป็นต้น

อย่างไรก็ดีแม้ว่าสินเชื่อรายย่อยขยายตัวได้สูง แต่สัดส่วนพอร์ตสินเชื่อรายย่อยยังคงอยู่ที่ระดับ 40-50% ส่วนที่เหลือจะเป็นธุรกิจเอสเอ็มอีและธุรกิจขนาดใหญ่

"ปีนี้เรายังคงเดินตามแผนธุรกิจระยะกลางที่ตั้งเป้าเติบโตสินทรัพย์ เพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมและลดต้นทุนการเงิน ส่วนสินเชื่อรายย่อยยังเป็นเป้าหมายการเติบโตสูงสุด ส่วนรายใหญ่และเอสเอ็มอีจะโตน้อยกว่า โดยจะเน้นเกาะตามนโยบายในเซ็กเตอร์ไทยแลนด์ 4.0 "

นางสาวดวงดาว วงค์พนิตกฤต ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า เอ็นพีแอลในปีนี้ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้งระบบ แม้ว่าทิศทางเศรษฐกิจจะดีขึ้น แต่คุณภาพของสินทรัพย์และสินเชื่อยังอยู่ในโหมดติดตามอย่างใกล้ชิด

กลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังต้องเฝ้าระมัดระวัง จะเป็นกลุ่มเอสเอ็มอีโดยธนาคารคาดว่าจะอยู่ในกรอบ 2.5% จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 2.24% อย่างไรก็ตามแนวโน้มเอ็นพีแอลที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นของธนาคารในช่วงไตรมาส 4 ปี 2559 ส่วนหนึ่งมาจากการที่ธนาคารตั้งสำรองเพิ่มในส่วนของธุรกิจรายใหญ่ 1 ราย ที่เป็นลูกค้าปล่อยกู้ร่วม (Syndicated Loan) จำนวน 2,000 ล้านบาท

ขณะที่แผนจัดการหนี้เสียในปีนี้ จะขายเอ็นพีแอล และสินทรัพย์รอการขาย (เอ็นพีเอ) เพิ่มจำนวน 1,000-3,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่ขายหนี้ทอดตลาดไปแล้วราว 2,700 ล้านบาท โดยปัจจุบันธนาคารมีมูลค่าหนี้คงค้างอยู่ที่ 3.4 หมื่นล้านบาท

นายสุวัฒน์ เตชะวัฒนวรรณา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารคาดว่าปีนี้สินเชื่อจะโต 4-6% จากยอดสินเชื่อคงค้างปี 2558ที่5.11 แสนล้านบาท โดยคิดเป็นการปล่อยสินเชื่อใหม่1 แสนล้านบาท แต่เติบโตสุทธิ2-3 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมียอดชำระคืนเฉลี่ย 20%

ขณะที่เอ็นพีแอลจะพยายามรักษาอยู่ในกรอบไม่เกิน 1.6% จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 1.56-1.57% กลุ่มที่ยังระวังจะเป็นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และเหล็ก ส่วนกลุ่มที่ยังต้องประคองคือ สื่อสาร สื่อดิจิตอล

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,232 วันที่ 2 - 4 กุมภาพันธ์ 2560