ราคายางขาขึ้น ไทยฮั้วยางพาราเล็งปี 60 ส่งออกโต 3 เท่าตัว แตะ 6 แสนตัน มูลค่า 2.5-3 หมื่นล้านบาท ระบุดึง “ไทยกว๋างเขิ่นรับเบอร์” เบอร์ 1 ยางพาราแดนมังกรถือหุ้นใหญ่ ช่วยเพิ่มกำลังผลิตและยอดส่งออก ตั้งเป้าเข้าตลาดหุ้นใน 2-3 ปี
ปี 2559 ที่ผ่านมา บริษัทไทยฮั้วยางพารา จำกัด(มหาชน) 1 ใน 4 อันดับแรกของผู้ผลิตและส่งออกยางพารารายใหญ่ของประเทศได้ลดกำลังผลิตลง หลังราคายางตกต่ำ ขณะที่ผู้ประกอบการรายอื่นๆ ก็อยู่ในสภาพที่ไม่ต่างกันนัก
นายหลักชัย กิตติพล ประธานกิตติมศักดิ์ บริษัท ไทยฮั้วยางพารา จำกัด(มหาชน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ในปีนี้มองเป็นที่ดีของบริษัท โดยได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกผลิตภัณฑ์ยางไปต่างประเทศที่ 6 แสนตัน มูลค่า 2.5-3 หมื่นบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3 เท่าตัว จากในปี 2559 ที่ส่งออกได้เพียงกว่า 2 แสนตัน มูลค่าต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาทเป็นผลจาก 3 ปัจจัยหลักคือ 1.บริษัทได้ชะลอการส่งออก หลังราคายางพาราในตลาดโลกตกต่ำ 2.บริษัทได้ให้ความร่วมมือรัฐบาลในการลดการส่งออก เพื่อดันราคายาง และ3.บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับทางกลุ่มไทยกว๋างเขิ่น รับเบอร์ จากจีนเข้ามาถือหุ้นในไทยฮั้วฯ 60 %ซึ่งเวลานี้สามารถดำเนินการได้สำเร็จแล้ว
"ทั้ง 3 ปัจจัยมีผลให้บริษัทชะลอการส่งออก และถือเป็นปีที่เราปรับโครงสร้างธุรกิจ แต่ในปีนี้ราคายางพารา และราคาสินค้าโภคภัณฑ์อยู่ในช่วงขาขึ้น เศรษฐกิจโลกก็เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น อย่างน้อยที่สุดหากเศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของบริษัทสัดส่วน 40%ไม่มีปัญหา และการปรับโครงสร้างธุรกิจของเราเริ่มเข้าที่เข้าทาง ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ ของสหรัฐฯประกาศจะสร้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ซึ่งหากเงินเฟ้อเพิ่มสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงยางราคาก็จะดีขึ้น"
สำหรับเป้าหมายการส่งออกของไทยฮั้วที่ 6 แสนตันทางบริษัทไม่ต้องขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับอะไรมาก เพราะปัจจุบันมีโรงงานผลิตยางแท่งและยางชนิดอื่น อยู่แล้วรวม 17 โรงงาน กำลังผลิตรวม 6-7 แสนตันต่อปี และจากการร่วมทุนกับไทยกว๋างเขิ่นฯจะมีกำลังผลิตเข้ามาเพิ่มอีก 5 โรงงาน หรืออีกประมาณ 2.5 แสนตัน หรือรวมกำลังผลิตเต็มเพดานรวม 22 โรงงานที่ 1.2 ล้านตันต่อปี ดังนั้นหากตลาดยางพาราโลกปีนี้ปรับตัวดีขึ้นตามคาดการณ์มั่นใจว่าจะส่งออกได้ตามเป้าหมาย
"การรวมทุนกับไทยกว๋างเขิ่นฯ ได้มาเพิ่มทุนให้ไทยฮั้วฯจากเดิมมีทุนจดทะเบียน 2,300 ล้านบาท เพิ่มเป็น 6,900 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว และการรวมกันจะทำให้ไทยฮั้วเป็นบริษัทที่มีกำลังผลิตยางมากที่สุดของประเทศคือ 1.2 ล้านตันต่อปี ขณะที่ผ่านมาเรายังเป็นอันดับ 3 ในการส่งออกยาง โดยมีบริษัทศรีตรังแอโกรฯ และบริษัทวงศ์บัณฑิต ส่งออกอันดับ 1 และ 2 ปริมาณ 1 ล้านตัน และ 7-8 แสนตันต่อปีตามลำดับ แต่ในอนาคตไทยฮั้วอาจขึ้นมาอันดับ 1 เพราะผู้ถือหุ้นจากจีนของเรามีทุนมหาศาล และมีตลาดที่กว้างขวาง ทำให้ไทยฮั้วฯมีแผนจะนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ใน 2-3 ปีนับจากนี้ จากได้จดทะเบียนภายใต้ชื่อบริษัท ไทยฮั้วยางพารา จำกัด(มหาชน)มาตั้งแต่ปี 2538 แต่ปี 2540 เกิดวิกฤติต้มยำกุ้งเสียก่อน"
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,232 วันที่ 2 - 4 กุมภาพันธ์ 2560