ตีกรอบบาท35.5-36.8/ดอลล์ นักเศรษฐศาสตร์เตือนผันผวนทั้งปี-ระวังเงินไหลออก

07 ม.ค. 2560 | 07:00 น.
“กสิกรไทย-ทีเอมบี” มองเงินบาทปี 2560 เคลื่อนไหวกรอบ 35.5-36.8 บาทต่อดอลลาร์ ผันผวนตลอดปีเหตุปัจจัยความไม่แน่อนนโยบายเศรษฐกิจ”ทรัมป์” สหรัฐ-จีนตึงเครียด การเมืองยุโรปส่อวุ่น และ ธนาคารกลางทั่วโลกงัดมาตรการรับมือเงินทุนไหลออก

ส่องตลาดเงินตลาดทุนปี2560 ยังเผชิญความผันผวนสูงกว่าปีที่แล้ว สารพัดปัจจัยที่เข้ามากระทบทั้งปัจจัยธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา(เฟด)จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนครบ3ครั้งหรือไม่ อีกทั้งยังมีปัจจัยทางการเมือง มีการเลือกตั้งในหลายประเทศทั้งเนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมัน หรือปัจจัยรัฐบาลชั่วคราวของอิตาลีที่ต้องเข้ามาแก้ปัญหาภาคสถาบันการเงิน
นอกจากนี้ประเทศอังกฤษ ก็เริ่มต้นกระบวนการออกจากสหภาพยุโรป(Brexit) และความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐที่ส่อแววตึงเครียดจากนโยบายของประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ล้วนส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุน และมีผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่จะผันผวนมากขึ้น

นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัดเปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)และธนาคารกลางทั่วโลก ต้องเตรียมเครื่องมือในการบริหารจัดการเพื่อรับมือความผันผวนระหว่างทางทั้งเงินทุนไหลออกการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐกดดันเงินบาทอ่อน

โดยเฉพาะกรณีความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ ถ้าเกิดความตึงเครียดขึ้นมา นอกจากจะกดดันค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าอยู่แล้วให้ยิ่งอ่อนค่าลงไปอีก และยังจะฉุดสกุลเงินอื่นๆในภูมิภาคให้อ่อนค่าตามไปด้วย รวมทั้งค่าเงินบาทซึ่งกสิกรไทยมองว่าสิ้นปี 2560 เงินบาทจะเคลื่อนไหวอ่อนค่าไปแตะ36.5บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ภายใต้สมมติฐานเฟดขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้ง

“โจทย์ยากปี2560 แม้เงินบาทจะอ่อนค่าแต่ไทยไม่ได้เปรียบมากนัก เพราะสกุลเงินอื่นๆก็อ่อนค่าลงเช่นกัน ซึ่งภาคธุรกิจหรือผู้ประกอบการที่ต้องระดมเงินผ่านหุ้นกู้อายุ 3-5ปีแต่การออกหุ้นกู้ที่มีอายุมากกว่านี้ยาก และยังต้องเตรียมแผนให้ดีเพราะมีผลกระทบหลายด้านทั้งค่าแรงที่ปรับเพิ่มบางส่วน อัตราเงินเฟ้อและอัตราแลกเปลี่ยน”

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ รองผู้อำนวยการศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบีกล่าวว่าเงินบาทยังอ่อนค่าถึงไตรมาสแรกของปีซึ่งสวนทางการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐโดยมี 2ปัจจัยหลักคือ นายโดนัลด์ทรัมป์ประกาศนโยบายภายหลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคา 2560

นโยบายของทรัมป์ ที่โลกจับตา 2 นโยบาย ได้แก่การลดภาษีดึงทุนสหรัฐกลับมาลงทุนในประเทศ และการตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้า โดยเฉพาะการตั้งกำแพงภาษีสินค้าจากจีนจะยิ่งฉุดให้เงินหยวนอ่อนค่าและดึงให้เงินบาทและสกุลเงินในภูมิภาคให้อ่อนค่าลงด้วยโดยกลางปีมีโอกาสเห็นเงินบาทเคลื่อนไหว 36.8บาทต่อดอลลาร์สหรัฐและปลายปีจะกลับแข็งค่าที่ระดับ 35.5บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

“ภาพรวมทั้งปีดอกเบี้ยนโยบายคงที่ 1.5% อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย2%ส่วนกลางปีอาจจะเกิน3%แต่ยังไม่สูงมากและราคาน้ำมันยังไม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวมากนัก หรือแม้จะมีเงินไหลออกก็จะถูกปรับคืนด้วยเงินบาทที่อ่อนค่าทำให้ส่งออกและเศรษฐกิจไทยดี ขณะที่แบงก์ชาติจะดูแลบาทไม่ให้แข็งค่าเร็วและแรง”

ก่อนหน้านี้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)มองว่าทิศทางค่าเงินบาทจะผันผวนต่อเนื่องจากปลายปี2559 และต่อเนื่องทั้งปี 2560 โดยธปท.จะเข้าไปดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ ส่วนค่าเงินบาทปีที่แล้วอ่อนค่าประมาณ 0.56% เมื่อเทียบเงินดอลลาร์ ดดยปิดตลาดในกรอบ 35.82-35.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

นายสมประวิณ มันประเสริฐ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ระบุว่า แนวโน้มระยะยาวเงินบาทจะค่อยๆอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่อาจพบความผันผวนเป็นระยะตามความไม่แน่นอนของนโยบายทางการเงินของประเทศหลัก แต่ระบบเศรษฐกิจไทยมีเสถียรภาพในมิติระหว่างประเทศค่อนข้างมาก ดังนั้น จึงไม่น่าจะต้องกังวลมาก

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,224 วันที่ 5 - 7 มกราคม พ.ศ.2560