‘ไออาต้า’ชี้20ปีจีนขึ้นแท่นการบินใหญ่สุดในโลก

28 ต.ค. 2559 | 11:00 น.
“ไออาต้า” คาดแนวโน้มการขยายตัวของผู้โดยสารเดินทางทางอากาศ จะเพิ่มเป็น 7.2 พันล้านคนในอีก 20 ปีข้างหน้า โดยภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก จะมีการเติบโตของผู้โดยสารใหม่เกินครึ่ง ขณะที่จีน จะก้าวขึ้นมาเป็นตลาดการบินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกแทนสหรัฐอเมริกา

[caption id="attachment_108991" align="aligncenter" width="700"] จำนวนผู้โดยสารในตลาดขนาดใหญ่ 10 อันดับแรก จำนวนผู้โดยสารในตลาดขนาดใหญ่ 10 อันดับแรก[/caption]

รายงานจากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (ไออาต้า) ได้ออกมาคาดการณ์ว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางทางอากาศ 7,200 ล้านคนในปี 2578 หรือเกือบ 2 เท่าของผู้โดยสาร 3,800 ล้านคนในปี 2559 ด้วยอัตราการเติบโต 3.7% ต่อปี

“ผู้คนต้องการบิน ความต้องการสำหรับการเดินทางทางอากาศในช่วง 2 ทศวรรษข้างหน้ามีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น 2 เท่า การเปิดโอกาสให้ผู้คนและประเทศต่างๆ ทำการค้าระหว่างกัน สำรวจ และแบ่งปันประโยชน์จากนวัตกรรมและความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ ทำให้โลกนี้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น” นายอเล็กซองดร์ เดอ ฌูนิยัค กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารไออาต้า กล่าว

การคาดการณ์การเติบโตของจำนวนผู้โดยสารนับเป็นการยืนยันว่าภูมิภาคที่จะขับเคลื่อนความต้องการที่สำคัญที่สุด คือภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยเป็นที่คาดหมายว่าภูมิภาคดังกล่าวจะเป็นแหล่งที่มาของผู้โดยสารใหม่เกินกว่าครึ่งหนึ่งในช่วง 20 ปีข้างหน้า จีนจะก้าวขึ้นมาเป็นตลาดการบินขนาดใหญ่ที่สุดของโลก (วัดจากการจราจรเข้า ออก และการเดินทางภายในประเทศ) แทนสหรัฐฯ ประมาณปี 2571 ขณะที่อินเดียจะขึ้นมาแทนที่สหราชอาณาจักรเป็นอันดับ 3 ในปี 2569 ส่วนอินโดนีเซียจะก้าวเข้ามาติด 1 ใน 10 แทนที่อิตาลี นอกจากนี้ การเติบโตจะขับเคลื่อนโดยการเดินทางภายในตลาดเกิดใหม่มากขึ้น ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สัดส่วนของผู้โดยสารจากประเทศกำลังพัฒนาเพิ่มขึ้นจาก 24% เป็นเกือบ 40% และแนวโน้มจะเป็นเช่นนี้ต่อไป

ทั้งนี้ การคาดการณ์สำหรับ 20 ปีข้างหน้ามีการประเมินใน 3 สถานการณ์ สถานการณ์ที่เป็นกลางแสดงให้เห็นว่าจำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าด้วยอัตราการเติบโต 3.7% ต่อปี อย่างไรก็ดี ถ้าการเปิดเสรีการค้าเดินหน้ารวดเร็วขึ้น ความต้องการอาจจะเพิ่มขึ้นได้ถึง 3 เท่าจากระดับปี 2558 ในทางกลับกัน ถ้าแนวโน้มการกีดกันการค้ารุนแรงมากขึ้น การเติบโตอาจชะลอเหลือ 2.5% ต่อปี ซึ่งจะทำให้จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 5,800 ล้านคนภายในปี 2578

“การเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นทางแก้ปัญหาที่เหมาะสมเพียงทางเดียวสำหรับปัญหาเศรษฐกิจในเวลานี้ อย่างไรก็ดี เราเห็นรัฐบาลเพิ่มกำแพงการค้าแทนที่จะลดอุปสรรคลง ถ้าแนวโน้มเช่นนี้เป็นไปในระยะยาว นั่นหมายถึงการเติบโตที่ชะลอตัวลง และโลกจะยากจนลง สำหรับอุตสาหกรรมการบิน การประเมินภายใต้สถานการณ์การกีดกันทางการค้าแสดงให้เห็นว่าการเติบโตจะลดลงเหลือเพียง 2.5% ต่อปี นั่นหมายความว่าไม่เพียงแต่การสร้างงานใหม่ในอุตสากรรมการบินจะมีน้อยลง แต่ยังหมายถึงจำนวนผู้โดยสารเพียง 5,800 ล้านคนแทนที่จะเป็น 7,200 ล้านคนในปี 2578 ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นเป็นวงกว้างและรุนแรง” นายเดอ ฌูนิยัค กล่าว

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าท้ายที่สุดจะเป็นไปตามสถานการณ์ใด การเติบโตจะสร้างแรงกดดันต่อโครงสร้างพื้นฐานที่ปัจจุบันไม่เพียงพอรองรับกับความต้องการอยู่แล้ว “รันเวย์ อาคารผู้โดยสาร ระบบรักษาความปลอดภัยและสัมภาระ การควบคุมการจราจรทางอากาศ และองค์ประกอบอื่นๆ ทั้งหมดจำเป็นจะต้องมีการขยายเพื่อเตรียมพร้อมรองรับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ซึ่งการดำเนินการไม่สามารถทำได้โดยภาคธุรกิจเพียงฝ่ายเดียว การวางแผนการเปลี่ยนแปลงจะต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างรัฐบาล ชุมชน และอุตสาหกรรม” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารไออาต้า กล่าว

นอกจากนี้ อุตสาหกรรมการบินจะต้องเติบโตอย่างยั่งยืน ในเดือนตุลาคม 2559 สายการบินได้สนับสนุนการจัดทำกลไลชดเชยและลดการปล่อยคาร์บอนสำหรับการบินนานาชาติ (Carbon Offset and Reduction Scheme for International Aviation หรือ CORSIA) ซึ่งถือว่าเป็นข้อตกลงประวัติศาสตร์ครั้งแรกระหว่างรัฐบาลประเทศต่างๆ ในการบริหารจัดการการปล่อยไอเสียของอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก โดยมีเป้าหมายจำกัดการปล่อยไอเสียสุทธิและให้การเติบโตของการปล่อยคาร์บอนเป็น “อุตสาหกรรมการบินเป็นผู้นำในการบริการจัดการคาร์บอนฟุตพรินต์ โดยนอกเหนือจากการชดเชยการปล่อยไอเสียผ่าน CORSIA แล้ว สายการบินต่างๆ ยังร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ เพื่อพัฒนาความก้าวหน้าของเทคโนโลยี พัฒนาการดำเนินงาน และเพิ่มประสิทธิภาพของโครงสร้างพื้นฐาน” นายเดอ ฌูนิยัค กล่าว

ทั้งนี้ ตลาดที่ถูกคาดการณ์ว่าจำนวนผู้โดยสารต่อปีจะเติบโตเร็วที่สุดในช่วง 20 ปีข้างหน้า ได้แก่ 1. จีน (ผู้โดยสารใหม่ 817 ล้านคน รวมเป็น 1,300 ล้านคน) 2. สหรัฐฯ (ผู้โดยสารใหม่ 484 ล้านคน รวมเป็น 1,100 ล้านคน) 3. อินเดีย(ผู้โดยสารใหม่ 322 ล้านคน รวมเป็น 442ล้านคน) 4. อินโดนีเซีย (ผู้โดยสารใหม่135 ล้านคน รวมเป็น 242 ล้านคน) และ5. เวียดนาม (ผู้โดยสารใหม่ 112 ล้านคนรวมเป็น 150 ล้านคน)

เส้นทางการบินเข้า ออก และภายในเอเชีย-แปซิฟิกจะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 1,800 ล้านคนต่อปีภายในปี 2578ทำให้ตลาดโดยรวมอยู่ที่ 3,100 ล้านคนคิดเป็นอัตราการเติบโต 4.7% ต่อปี ภูมิภาคอเมริกาเหนือจะเติบโต 2.8% ต่อปี และในปี 2578 จะรองรับผู้โดยสารทั้งสิ้น 1,300ล้านคน เพิ่มขึ้น 536 ล้านคนต่อปี ยุโรปจะเติบโตตํ่าสุดที่ 2.5% ต่อปี ด้วยจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 570 ล้านคนต่อปี รวมเป็น 1,500 ล้านคน

ส่วนตลาดลาตินอเมริกาจะเติบโต3.8% หรือ 345 ล้านคนต่อปี รวมเป็น658 ล้านคนในปี 2578 ขณะที่ตะวันออกกลางเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 5% หรือ 258ล้านคนต่อปีภายในปี 2578 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ และซาอุดีอาระเบียมีการเติบโตถึง 6.3% 4.7% และ 4.1%ตามลำดับ ทำให้ขนาดตลาดโดยรวมเติบโตขึ้นเป็น 414 ล้านคน และแอฟริกาจะเติบโต 5.1% ต่อปี ด้วยจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 192 ล้านคนต่อปีรวมเป็น 303ล้านคนภายในปี 2578

Photo : wiki ภาพปกไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,204 วันที่ 27 - 29 ตุลาคม พ.ศ. 2559