KTBST มอง“ฮิลารี คลินตัน”มีโอกาสชนะเลือกตั้งหลัง Debate ครั้งที่ 3 จบลง

20 ต.ค. 2559 | 07:18 น.
บล.KTBST มองฮิลารี คลินตัน มีโอกาสชนะเลือกตั้งหลัง Debate ครั้งที่ 3 จบลง จากคะแนนนิยมที่เพิ่มขึ้นแต่ต้องรอดูการเลือกตั้งจริง จับตาดูการประชุม ECB ในคืนนี้( 20 ต.ค.) ในเรื่องมาตรการกระตุ้นศก. ระบุความขัดแย้งซีเรียไม่ไปถึงขั้นเกิดสงคราม ”

นายชาตรี  โรจนอาภา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์  บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย)จำกัด (KTBST) เปิดเผยว่า การโต้วาที (Debate) ครั้งที่ 3 ของผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จบลงไปในวันนี้ (20 ต.ค.) ระหว่าง นางฮิลารี คลินตัน จากพรรคเดโมแครต กับนายโดนัล ทรัม จากพรรครีพับลิกัน  ซึ่งจะเห็นได้ว่า คะแนนนิยมของนางฮิลารี คลินตัน เพิ่มมากขึ้นมาตลอดจากการ Debate ใน 2 ครั้งที่ผ่านมา เพราะคนเริ่มมองกันว่านโยบายของ นายโดนัล ทรัม อาจทำได้ไม่จริง แม้นาย โดนัล ทรัม จะพยายามสร้างคะแนนขึ้นมา ดังนั้นการเลือกตั้งจริงในวันที่ 8 พ.ย. 2559 นี้ นางฮิลารี จึงมีโอกาสมากขึ้น แต่ยังต้องดูการเลือกตั้งจริงในวันที่ 8 พ.ย. นี้ หากชนะการเลือกตั้งจริงก็ต้องดูต่อไปว่านางฮิลารี จะทำตามนโนบายที่พูดไว้ได้หรือไม่ ขณะเดียวกัน การขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในเดือน ธ.ค.ยังมีแนวโน้มที่ปรับขึ้นอยู่ตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ทั้งนี้จากกระแสข่าวที่พูดถึงความขัดแย้งของสหรัฐฯกับรัสเซียในซีเรียจนอาจเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 นั้น เชื่อว่า ความขัดแย้งดังกล่าวไม่น่าจะรุนแรงและบานปลายจนไปถึงขั้นเกิดสงครามโลกได้ เพราะผลประโยชน์ในซีเรียนั้นไม่มีมากถึงขนาดที่จะทำให้ทั้งคู่ก่อสงครามขึ้นจริง ทั้งสหรัฐฯและรัสเซียก็ไม่ต้องการให้เกิดความเสียหายจากสงครามทั้งคู่ ขณะเดียวกันตลาดหุ้นก็ไม่ได้สะท้อนข่าวร้ายในเรื่องนี้แต่อย่างใดแต่ตลาดหุ้นกลับปรับตัวสูงขึ้นจากหุ้นกลุ่มพลังงาน เนื่องราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มสูงกว่า 2.2% หลังจาก สำนักงานสารสนเทศด้าน การพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ประกาศยอดน้ำมันคงเหลือว่ามีจำนวนลดลง 5.247 ล้านบาร์เรล และท่าทีของ OPEC ที่มีแนวโน้มจะบรรลุข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตในเดือนหน้าได้สำเร็จ

ด้านตัวเลข GDP ของจีนในไตรมาสที่ 3 ที่ออกมาอยู่ที่ระดับ 6.7% เท่ากับที่นักวิเคราะห์คาดไว้  โดยได้รับปัจจัยหนุนจากระดับความต้องการภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ ถึงแม้ว่าระดับความต้องการจากภายนอกจะซบเซาตามภาวะเศรษฐกิจก็ตาม แสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่ต่อเนื่องและยังคงมีเสถียรภาพของประเทศจีน อย่างไรก็ตามราคาอสังหาฯที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นจำเป็นต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด เพราะอาจนำมาซึ่งปัญหาหนี้และฟองสบู่ได้ ส่วนตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial Production) ในเดือน ก.ย. ปรับตัวลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 6.1% เนื่องมาจากยอดการผลิตของอุตสาหกรรมหนักมีจำนวนลดลง

ส่วนทางด้านธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะมีกาประชุมการคืนนี้ (20 ต.ค.) ต้องจับตาดูว่าจะมีมาตรการอะไรออกมา โดย Mario Draghiประธาน ECB ได้มีการส่งสัญญาณว่า ECB อาจจะใช้มาตราการอัตราดอกเบี้ยติดลบในเร็วๆนี้รวมถึงการปล่อยกู้ให้ฟรีในวงเงินกว่า 1.7 ล้านล้านยูโร เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มสมาชิก โดย ECB มีเป้าหมายว่าอัตราเงินเฟ้อจะต้องกลับมาอยู่ที่ระดับ 2% ภายในต้นปี 2019 ส่วนธนาคารกลางแห่งประเทศอังกฤษ (BoE) ก็ส่งสัญญาณว่าจะทำ QE อีก 3 แสนล้านปอนด์ และลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นเดียวกัน

“กลยุทธ์การลงทุนในต่างประเทศ บล.KTBST แนะนำทยอยสะสมหุ้นไทยจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทยอยขายทำกำไรหุ้นยุโรปจากปัญหาในกลุ่มธนาคารในยุโรป และการลงทุนในน้ำมันที่ปรับขึ้นทดสอบระดับสูงสุดของปี สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ KTBST ยังคงแนะนำให้สะสมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพยและโครงสร้างพื้นฐานและหุ้นกู้เอกชนไทย”