รัฐ-เอกชนปาดน้ำตาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คุมเข้มราคาสินค้า - ฉีดงบลงทุน - ประมูลรถไฟฟ้า 3 สีมั่นใจปีนี้โตเข้าเป้า

21 ต.ค. 2559 | 01:00 น.
บิ๊กตู่กระตุกคนไทยเศร้าได้แต่ภารกิจต้องทำต่อ จี้หน่วยงานเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามแผน พาณิชย์ตั้งกลไกใหม่ลงคลุกปลุก 7 พื้นที่คึกคัก คลัง เร่งเอกชนลงทุนในสิ้นปีนี้เพื่อใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ดันงบลงทุนไตรมาสแรกปีงบ 2560 ได้ตามเป้า 1 แสนล. ก.อุตฯมั่นใจเศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวได้ตามเป้า สอท.เชื่อการลงทุนรัฐ-เอกชนที่นับหนึ่งแล้วเดินต่อได้ สมคิด”เดินสายเปิด”ครีเอทีฟไทยแลนด์”-ตรวจงานกทพ. คมนาคมยืนยันประมูลรถไฟฟ้า3สายต.ค.-พ.ย.นี้ตามกำหนดการเดิม

คนไทยยังตกอยู่ในภาวะโศกาอาดูรและเคว้งคว้างเวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ออกมาตอกยํ้าว่า โศกเศร้าได้แต่ภาระหน้าที่ต้องเดินหน้ากันต่อไปนั้น

ตั้ง Mini MOC ขึง7พื้นที่ปลุกศก.

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่านายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้กระทรวงพาณิชย์ทำงานเชิงรุกมากขึ้น โดยเฉพาะปัญหาปากท้องของประชาชน ผ่านกลไกใหม่ของกระทรวงพาณิชย์ที่มีการตั้งเป็นMini MOCขึ้นมา เพื่อดูแล 7 ภาคของไทย ประกอบด้วย ภาคเหนือ กลาง ใต้ อีสาน ตะวันออก ตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง โดยจะมอบหมายให้ผู้ตรวจราชการ และรองปลัดกระทรวง และอธิบดีกรมต่างๆ เข้าไปทำหน้าที่กำกับดูแล 7 ภูมิภาคดังกล่าว เพื่อให้ประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัด ในการดูแล แก้ปัญหาค่าครองชีพ และราคาสินค้าเกษตร การขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศให้เดินหน้าในช่วงภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ซึ่งหากพื้นที่ใดมีปัญหาเรื่องราคาสินค้าแพงให้ผู้บริหารที่ดูแลพื้นที่นั้นๆรับผิดชอบ

“ในการทำงานก็จะมีการตั้งโต๊ะประชุมและวีดีโอคอนเฟอร์เรนท์ร่วมกับพาณิชย์จังหวัดเพื่อตรวจสอบราคาสินค้าและอาหารต่างๆในตลาดสดทั่วประเทศและรายงานกลับมายังส่วนกลางทุกสัปดาห์ ซึ่งอธิบดีการค้าภายในต้องเร่งหารือกับผู้ประกอบการและลงพื้นที่สำรวจตลาดให้บ่อยขึ้น เพื่อติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าและต้นทุนผลิต จนไปถึงการควบคุมราคาสินค้าไม่ให้มีการขายเอาเปรียบประชาชน”นายสมคิดกล่าว

ด้านการส่งออกให้ปรับโครงสร้างการบริหารจัดการการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศโดยเฉพาะการบริหารจัดการตลาดการส่งออก ซึ่งให้แบ่งตลาดการส่งออกเป็นภูมิภาค เช่น ภูมิภาคอาเซียน,ตะวันออกกลาง ตะวันออกไกล ,ยุโรป , แอฟริกา โดยตั้งผู้บริหารระดับสูงมาช่วยกำกับดูแล เพื่อขับเคลื่อนการส่งออกและมีนโยบายที่เจาะตลาดที่เหมาะสมมากขึ้น

จี้เอกชนเร่งลงทุนในสิ้นปี

ด้านนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงการประเมินภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในสถานการณ์เชิงบวก แต่หากวิเคราะห์ในรายละเอียด อาจจะมีบางธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายงดการรื่นเริงบันเทิงบ้าง ที่กำหนดกรอบเวลาไว้ 1 เดือน ดังนั้น ในเบื้องต้นกระทรวงการคลังจะเฝ้ารอดูผลที่จะเกิดขึ้นจริงหลังจากนี้ ว่าจะมีผลกระทบระยะยาวหรือไม่ แต่ส่วนตัวยังมองว่าอาจจะเป็นเพียงผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น

“ถ้าให้ผมวิเคราะห์ผลกระทบช่วงที่เหลือ คือดูจากนโยบายงดรื่นเริงบันเทิงเป็นเวลา 1 เดือน ก็อาจกระทบร้านอาหาร นักดนตรี หรือกรณีเลื่อนการจัดงานออกไป เช่น โรงแรม หรือศูนย์แสดงสินค้าซึ่งอาจจะได้รับผลบกระทบในช่วงประเทศไทยอยู่ในช่วงอารมณ์เศร้า โดยต้องดูว่าหากภาคธุรกิจบริการต่าง ๆ ได้รับผลกระทบระยะยาว อาจจะมีการพิจารณามาตรการให้ความช่วยเหลือ แต่ไม่ใช่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ”

อย่างไรก็ตาม แผนงานต่าง ๆ ที่เตรียมการไว้ก่อนหน้า จะดำเนินการต่อเนื่องไป โดยมาตรการที่รอบรรจุเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว มีอาทิ กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ(กบช.) โครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ รวมถึงการจ่ายสวัสดิการสำหรับผู้มีรายได้น้อย 8.3 ล้านคน ที่ลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยไว้แล้ว

นอกจากนี้ทั้งกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พยายามจะทำความเข้าใจกับภาคเอกชน เพื่อให้เกิดการลงทุนอย่างต่อเนื่องในระยะ 3เดือนของปีนี้ โดยเฉพาะการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนจากภาคเอกชน ซึ่งการใช้จ่ายเพื่อการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเครื่องจักร ยานพาหนะ อุปกรณ์เครื่องใช้ หรือคอมพิวเตอร์ เหล่านี้จะได้รับสิทธิประโยชน์จากการหักค่าเสื่อมราคาได้ 2 เท่า สำหรับการลงทุนภายในสิ้นปีนี้(31ธ.ค.59)เท่านั้น

มั่นใจเบิกจ่ายภาครัฐเข้าเป้า

ด้านนางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยถึงนโยบายเร่งรัดการเบิกจ่ายปีงบ ประมาณ 2560 ว่า สำหรับไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ 2560 จากวงเงินงบประมาณด้านการลงทุนในภาพรวมกว่า 4 แสนล้านบาท จะสามารถผลักดันเม็ดเงินเข้าสู่ระบบไม่ต่ำกว่า 1แสนล้านบาทหรือคิดเป็น 25-30% โดยเม็ดเงินจากโครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ( e-GP) คิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 9.5 หมื่นล้านบาท ได้ลงนามเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นโครงการขนาดเล็กวงเงินต่อโครงการไม่เกิน 2 ล้านบาท สามารถดำเนินการได้ทันที

อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวนี้ให้เบิกจ่ายตามงวดงาน ดังนั้นจากสถานการณ์ปัจจุบันจะไม่กระทบต่อการเบิกจ่ายอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันในปีงบประมาณ 2560 กรมบัญชีกลาง จะเน้นการเบิกจ่ายผ่านระบบ National E-Payment ที่ให้น้ำหนักเรื่องระบบการจ่ายเงินที่เป็นสวัสดิการของภาครัฐและข้าราชการทั้งหมด

ก.อุตฯยันเดินหน้าปกติ

ด้านนายสมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า หากมองในภาพรวมแล้วการขับเคลื่อนภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังสามารถดำเนินการไปตามปกติ เพราะภาคเอกชนและภาครัฐยังมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันในระยะสั้นนี้ก็ได้แรงหนุนจากการจับจ่ายใช้สอยของภาคประชาชนไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าสำเร็จรูป กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ ที่เกี่ยวกับการต่างกายต่างๆก็ได้อานิสงส์จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ก็ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศหมุนเวียนได้อีกทางหนึ่ง

ในขณะที่รัฐบาลเองก็ยังเดินหน้าตามนโยบายที่มีการวางไว้ ในการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรม ที่เน้นการเพิ่มผลผลิต การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ ซึ่งก็ยังมีการเดินสายออกไปหาตลาดต่างประเทศเป็นปกติอยู่ รวมถึงการโรด์โชว์นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน ดังนั้น จึงประเมินว่าภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ยังสามารถขยายตัวได้ตามที่มีการตั้งเป้าหมายไว้

สอท.มั่นใจ

นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า สำหรับภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอยู่เวลานี้ คงยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก เนื่องจากการลงทุนของภาคเอกชนและโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ที่อนุมัติงบดำเนินการไปแล้ว ก็ยังสามารถดำเนินการได้ตามปกติ รวมถึงโครงการต่างๆ ที่สามารถดำเนินการได้ในเวลานี้ก็ต้องเดินหน้าไป ตัวอย่างเช่นการออกไปเชิญชวนนักลงทุนต่างประเทศหรือโรด์โชว์ ก็ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดภาวการณ์สะดุด ซึ่งมองว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่แม้ภาพรวมจะกระทบกับจิตใจของประชาชน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศจะชะลอตัวตามไปด้วย

“ในช่วงนี้หากมองในภาพรวมแล้ว อาจจะรู้สึกได้ว่าทุกภาคส่วนไม่มีกระจิตกระใจที่อยากจะทำอะไร โดยเฉพาะภาคการบริการ สถานบันเทิง ที่อาจจะซบเซาลงบ้าง แต่ในด้านการลงทุนของภาคเอกชน และโครงการของภาครัฐที่ดำเนินการอยู่แล้ว ก็ยังเดินหน้าต่อ ดังนั้น มองว่าภาวะเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้จะยังเดินหน้าต่อไปได้”

“สมคิด”คิกออฟ”ครีเอทีฟ ไทยแลนด์”

ทั้งนี้ เว็บไซต์รัฐบาลไทย (www. thaigov.go.th) เผยแพร่กำหนดการว่า เวลา 10.00 น.วันพุธที่ 19 ต.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “Creative Thailand” ณ ห้องฮอลล์ 105 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ

จากนั้นในเวลา 13.00 น. รองนายกฯสมคิด จะไปตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการดำเนินงานการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) สำนักงานใหญ่ จตุจักร ถนนพหลโยธิน จตุจักร กรุงเทพฯ

ด้านนายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมช.คมนาคม เปิดเผย”ฐานเศรษฐกิจ”ว่า กระทรวงยังคงเดินหน้าแผนขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะเปิดให้เอกชนมายื่นซองประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตะวันออก ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี ที่กำหนดไว้เดิม ส่วนสายสีชมพู ปากเกร็ด-แคลาย-มีนบุรี และสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำรอง ในเดือนพฤศจิกายน ยังเป็นไปตามกำหนดการเดิม

ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ปรับการสื่อสารด้านการส่งเสริมตลาดต่างประเทศใหม่ ให้สอดคล้องกับบรรยากาศของประเทศไทย ซึ่งยังคงพร้อมต้อนรับการมาเยือนของนักท่องเที่ยว มาบันทึกหน้าประวัติศาสตร์เป็นส่วนหนึ่งในการถวายความอาลัย (อ่านรายละเอียดประกอบ หน้า 26)

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,202 วันที่ 20 - 22 ตุลาคม พ.ศ. 2559