ความขัดแย้งของ ธุรกิจครอบครัวขนาดใหญ่

09 ต.ค. 2559 | 00:00 น.
สำหรับข้อพิพาทและความไม่ลงรอยกันนั้นถือเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในธุรกิจครอบครัว แต่องค์กรก็ยังจะสามารถสุขภาพดีอยู่ได้หากมีการจัดการที่ดี ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดที่แม้แต่ธุรกิจครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ยังมีการแก้ไขความขัดแย้งเช่นกัน โดยจากการที่ EY Americas Family Business Services ร่วมกับ Kennesaw State University ได้ทำการสำรวจธุรกิจครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก จำนวน 525 รายทั่วโลก พบว่า ในความจริงแล้วธุรกิจครอบครัวเกือบครึ่ง (45%) กำลังเผชิญความขัดแย้งที่ไม่สร้างสรรค์อยู่ (Dysfunctional Conflict) (ภาพที่ 1) ซึ่งเป็นที่น่าสนใจว่าพวกเขามีการจัดการความขัดแย้งอย่างไรที่ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างความสำเร็จและความล้มเหลว และความสุขหรือความทุกข์ของครอบครัว

[caption id="attachment_104072" align="aligncenter" width="503"] Dysfunctional Conflict Dysfunctional Conflict[/caption]

ทั้งนี้การลดความขัดแย้งที่ไม่ทําให้เกิดสุขภาพที่ดีของธุรกิจ (unhealthy conflict) นอกจากมีประโยชน์ต่อธุรกิจครอบครัวโดยจะทำให้เกิดความสงบสุขในที่ทำงานแล้ว ยังมีผลบวกต่อสุขภาพครอบครัวและความเจริญรุ่งเรืองของธุรกิจในระยะยาวอีกด้วย ซึ่งจากการวิจัยก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าความเหนียวแน่นของครอบครัวนำไปสู่ผลตอบแทนผู้ถือหุ้น(ROE)ของธุรกิจ และการวิจัยยังชี้ว่ากลไกเดียวกันที่ทำให้เกิดความเหนียวแน่นนั้นยังทำให้ลดความขัดแย้งในครอบครัวได้อีกด้วย ซึ่งในครั้งนี้ธุรกิจครอบครัวที่ทำการสำรวจนั้นบางรายมีอายุยาวนาน มีขนาดใหญ่และประสบความสำเร็จที่สุดในโลก หากความขัดแย้งที่ไม่สร้างสรรค์มีมากขึ้น พวกเขาจะจัดการอย่างไรเพื่อให้ยังคงสามารถกลับมาประสบความสำเร็จได้ จากผลการสำรวจยังชี้แนะแนวทางการจัดการความขัดแย้งที่เหมาะสมเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว โดยการส่งเสริมความเหนียวแน่น การสื่อสารและการเชื้อเชิญให้มีส่วนร่วมของครอบครัว จึงสามารถจะแก้ไขให้เป็นความขัดแย้งที่ส่งผลต่อสุขภาพขององค์กรได้

[caption id="attachment_104073" align="aligncenter" width="503"] ธุรกิจในประเทศพัฒนาแล้วระบุว่ากำลังเผชิญความขัดแย้งที่ไม่สร้างสรรค์ ธุรกิจในประเทศพัฒนาแล้วระบุว่ากำลังเผชิญความขัดแย้งที่ไม่สร้างสรรค์[/caption]

อย่างไรก็ตามธุรกิจครอบครัวในเศรษฐกิจเกิดใหม่ (Emerging economics) มักมีรายงานว่ามีความขัดแย้งมากกว่าในประเทศพัฒนาแล้ว โดยจากการสำรวจพบว่า 48%ของบริษัทในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ระบุว่ากำลังเผชิญความขัดแย้งอยู่ ขณะที่ 43% ของธุรกิจในประเทศพัฒนาแล้วระบุว่ากำลังเผชิญความขัดแย้งที่ไม่สร้างสรรค์ (ภาพที่ 2) ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากธุรกิจในเศรษฐกิจเกิดใหม่มีแนวโน้มที่จะอายุกิจการน้อยกว่า (ภาพที่ 3) ซึ่งพวกเขาอาจยังไม่ได้มีการพัฒนาในเรื่องของการสื่อสารหรือปทัสถานอื่นและระบบต่างๆที่จะช่วยลดความขัดแย้งได้และ พวกเขาอาจมีปัจจัยทางวัฒนธรรมที่เข้ามามีบทบาทด้วย ดังนั้นเป็นเรื่องน่าสนใจที่จะทำการศึกษาต่อไปว่าธุรกิจครอบครัวเหล่านี้มีแนวทางจัดการความขัดแย้งในรูปแบบต่างๆอย่างไรเพื่อเป็นแนวทางให้กับธุรกิจอื่นต่อไป

[caption id="attachment_104074" align="aligncenter" width="503"] ธุรกิจในเศรษฐกิจเกิดใหม่มีแนวโน้มที่จะอายุกิจการน้อยกว่า ธุรกิจในเศรษฐกิจเกิดใหม่มีแนวโน้มที่จะอายุกิจการน้อยกว่า[/caption]

ที่มา: EY Americas Family Business Services and Kennesaw State University. 2015 . Can embracing conflict spur positive change? : How the world’s largest family businesses resolve disagreement. Special report based on a global survey of the world’s largest family businesses. ey.com/conflict.

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,198 วันที่ 6 - 8 ตุลาคม พ.ศ. 2559