แม็คกรุ๊ปเล็งเปิด 2 แบรนด์ใหม่ ‘อัพ’ รับกระแสสปอร์ตฟีเวอร์/ ‘MC+’ ยีนส์สำหรับสาวอวบ
แม็คกรุ๊ปเล็งเปิดตัว 2 แบรนด์ใหม่ "up" เสื้อผ้าแนวสปอร์ต พร้อมจัดอีเวนต์ใหญ่มินิ มาราธอนปลุกกระแส และ "แม็ค พลัส" ยีนส์สำหรับคนอวบ หลังพบคนไทย 1 ใน 3 ของประชากรมีไซซ์ใหญ่ มั่นใจสิ้นปีโกยยอดขายโต 15%
[caption id="attachment_103172" align="aligncenter" width="335"]
สุณี เสรีภาณุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)[/caption]
นางสาวสุณี เสรีภาณุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกางเกงยีนส์ "แม็ค" (MC) เปิดเผยว่า นโยบายของบริษัทให้ความสำคัญกับนวัตกรรม (Innovation) เพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จากในอดีตที่บริษัทจะเน้นการพัฒนาสินค้าโดยคำนึงถึงฟังก์ชันนัลเป็นหลัก โดยบริษัทได้ร่วมกับพันธมิตรในการพัฒนาสินค้าใหม่ออกมาจำหน่าย โดยในเดือนตุลาคมนี้ บริษัทจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ชุดกีฬา ภายใต้ชื่อ "up" เหมาะสำหรับผู้บริโภคที่ชื่นชอบการแต่งกายแบบมิกซ์ แอนด์ แมตช์ ผสมผสานแฟชั่นเสื้อผ้ากีฬาและยีนส์เข้าด้วยกัน
"ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่เปิดกว้าง สามารถแต่งตัวได้หลากหลาย ปัจจุบันจะเห็นบางคนใส่กางเกงยืด แจ๊กเกตยีนส์ก็สามารถทำได้ เพราะสะดวก สบาย แม้อัพจะเป็นชุดกีฬาสำหรับผู้ใส่ออกกำลังกาย แต่ก็สามารถนำมามิกซ์ แอนด์ แมตช์เพื่อใส่ในชีวิตประจำวันได้ เบื้องต้นบริษัทมีแผนเปิดตัวผ่านกิจกรรมมินิ มาราธอนที่จะมีขึ้นในปลายปีนี้ ขณะที่จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป โดยจุดเด่นของอัพ นอกจากจะเป็นเสื้อผ้าที่ผลิตจากนวัตกรรมใหม่ที่ทำให้สวมใส่สบายแล้ว ยังมีราคาที่คุ้มค่า เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าซื้อใส่ได้ง่ายขึ้น โดยลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจะมีทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดซึ่งปัจจุบันพบว่าให้ความสำคัญกับการออกกำลังกาย ด้วยการปั่นจักรยาน และวิ่ง เป็นต้น โดยบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมียอดขายในปีแรก 100 ล้านบาท "
อีกหนึ่งแบรนด์ที่บริษัทพัฒนาและจะออกวางจำหน่ายในต้นปีหน้าคือ แบรนด์ "แม็ค พลัส" (MC+) ซึ่งเป็นกางเกงยีนส์สำหรับผู้ที่มีน้ำหนักมาก เนื่องจากในปัจจุบันพบว่า คนไทยส่วนใหญ่มีรูปร่างอวบ ขณะที่ในตลาดกลับไม่มีแบรนด์ใดผลิตและวางจำหน่ายยีนส์เพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มนี้ โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ทดลองทำตลาด ด้วยการผลิตยีนส์ไซซ์ใหญ่ออกวางจำหน่าย และพบว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้มองเห็นโอกาสในการพัฒนาและศึกษาตลาดอย่างจริงจัง
"กลุ่มลูกค้าไซซ์ใหญ่ มีจำนวนไม่น้อยในเมืองไทย และเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีการขยายตัวอย่างมาก โดยคิดเป็นสัดส่วนราว 29.3% ของจำนวนประชากรทั้งหมด หรือประมาณ 1 ใน 3 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ ทำให้บริษัทมองเห็นเป็นโอกาส และเริ่มศึกษาตลาดอย่างจริงจัง โดยการวิเคราะห์ถึงสัดส่วนสรีระของผู้หญิงไทย โดยเน้นคีย์เวิลด์สำคัญคือ สะดวก สบาย หมายถึง การช่วยกระชับสรีระ ทำให้สวมใส่สบาย ง่ายต่อการเคลื่อนไหว สมาร์ท ลุค การนำไปมิกซ์ แอนด์ แมตช์กับไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว ในทุกรูปแบบของการแต่งตัว เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นผู้ที่มีรูปร่างอวบ สามารถสวมใส่ได้อย่างมั่นใจ และกล้าแสดงออกมากขึ้น โดยคอลเลกชันแรกที่จะเปิดตัวออกสู่ตลาดคือ คอลเลกชันซัมเมอร์"
ทั้งนี้แบรนด์แม็ค พลัส จะเน้นวางจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ เนื่องจากมีข้อจำกัดในพื้นที่ขายหน้าร้าน อีกทั้งการโชว์สินค้าจะไม่โดดเด่น และสวยงามเมื่อเทียบกับไซซ์ปกติ ขณะที่ภาพรวมของบริษัทในอนาคตจะเน้นการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น รวมทั้งใช้กลยุทธ์ออมนิ มาร์เก็ตติ้ง เช่น การดูสินค้าหน้าร้าน และสั่งซื้อสินค้าผ่านทางแท็บเลต หรือการสั่งซื้อสินค้าผ่านทางแท็บเลต และเลือกรับสินค้าที่ช็อป หรือจะจัดส่งไปที่บ้านก็ได้
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะเติบโต 15% หลังจากที่ปีนี้มีการขยายจุดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 50-60 จุด ขณะที่กลยุทธ์การทำตลาดในปีหน้าจะยังเป็นการขยายความร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง และการเติบโตให้กับทุกฝ่าย รวมทั้งการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศด้วย
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,197 วันที่ 2 - 5 ตุลาคม พ.ศ. 2559
[caption id="attachment_103172" align="aligncenter" width="335"]
นางสาวสุณี เสรีภาณุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกางเกงยีนส์ "แม็ค" (MC) เปิดเผยว่า นโยบายของบริษัทให้ความสำคัญกับนวัตกรรม (Innovation) เพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จากในอดีตที่บริษัทจะเน้นการพัฒนาสินค้าโดยคำนึงถึงฟังก์ชันนัลเป็นหลัก โดยบริษัทได้ร่วมกับพันธมิตรในการพัฒนาสินค้าใหม่ออกมาจำหน่าย โดยในเดือนตุลาคมนี้ บริษัทจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ชุดกีฬา ภายใต้ชื่อ "up" เหมาะสำหรับผู้บริโภคที่ชื่นชอบการแต่งกายแบบมิกซ์ แอนด์ แมตช์ ผสมผสานแฟชั่นเสื้อผ้ากีฬาและยีนส์เข้าด้วยกัน
"ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่เปิดกว้าง สามารถแต่งตัวได้หลากหลาย ปัจจุบันจะเห็นบางคนใส่กางเกงยืด แจ๊กเกตยีนส์ก็สามารถทำได้ เพราะสะดวก สบาย แม้อัพจะเป็นชุดกีฬาสำหรับผู้ใส่ออกกำลังกาย แต่ก็สามารถนำมามิกซ์ แอนด์ แมตช์เพื่อใส่ในชีวิตประจำวันได้ เบื้องต้นบริษัทมีแผนเปิดตัวผ่านกิจกรรมมินิ มาราธอนที่จะมีขึ้นในปลายปีนี้ ขณะที่จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป โดยจุดเด่นของอัพ นอกจากจะเป็นเสื้อผ้าที่ผลิตจากนวัตกรรมใหม่ที่ทำให้สวมใส่สบายแล้ว ยังมีราคาที่คุ้มค่า เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าซื้อใส่ได้ง่ายขึ้น โดยลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจะมีทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดซึ่งปัจจุบันพบว่าให้ความสำคัญกับการออกกำลังกาย ด้วยการปั่นจักรยาน และวิ่ง เป็นต้น โดยบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมียอดขายในปีแรก 100 ล้านบาท "
อีกหนึ่งแบรนด์ที่บริษัทพัฒนาและจะออกวางจำหน่ายในต้นปีหน้าคือ แบรนด์ "แม็ค พลัส" (MC+) ซึ่งเป็นกางเกงยีนส์สำหรับผู้ที่มีน้ำหนักมาก เนื่องจากในปัจจุบันพบว่า คนไทยส่วนใหญ่มีรูปร่างอวบ ขณะที่ในตลาดกลับไม่มีแบรนด์ใดผลิตและวางจำหน่ายยีนส์เพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มนี้ โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ทดลองทำตลาด ด้วยการผลิตยีนส์ไซซ์ใหญ่ออกวางจำหน่าย และพบว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้มองเห็นโอกาสในการพัฒนาและศึกษาตลาดอย่างจริงจัง
"กลุ่มลูกค้าไซซ์ใหญ่ มีจำนวนไม่น้อยในเมืองไทย และเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีการขยายตัวอย่างมาก โดยคิดเป็นสัดส่วนราว 29.3% ของจำนวนประชากรทั้งหมด หรือประมาณ 1 ใน 3 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ ทำให้บริษัทมองเห็นเป็นโอกาส และเริ่มศึกษาตลาดอย่างจริงจัง โดยการวิเคราะห์ถึงสัดส่วนสรีระของผู้หญิงไทย โดยเน้นคีย์เวิลด์สำคัญคือ สะดวก สบาย หมายถึง การช่วยกระชับสรีระ ทำให้สวมใส่สบาย ง่ายต่อการเคลื่อนไหว สมาร์ท ลุค การนำไปมิกซ์ แอนด์ แมตช์กับไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว ในทุกรูปแบบของการแต่งตัว เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นผู้ที่มีรูปร่างอวบ สามารถสวมใส่ได้อย่างมั่นใจ และกล้าแสดงออกมากขึ้น โดยคอลเลกชันแรกที่จะเปิดตัวออกสู่ตลาดคือ คอลเลกชันซัมเมอร์"
ทั้งนี้แบรนด์แม็ค พลัส จะเน้นวางจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ เนื่องจากมีข้อจำกัดในพื้นที่ขายหน้าร้าน อีกทั้งการโชว์สินค้าจะไม่โดดเด่น และสวยงามเมื่อเทียบกับไซซ์ปกติ ขณะที่ภาพรวมของบริษัทในอนาคตจะเน้นการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น รวมทั้งใช้กลยุทธ์ออมนิ มาร์เก็ตติ้ง เช่น การดูสินค้าหน้าร้าน และสั่งซื้อสินค้าผ่านทางแท็บเลต หรือการสั่งซื้อสินค้าผ่านทางแท็บเลต และเลือกรับสินค้าที่ช็อป หรือจะจัดส่งไปที่บ้านก็ได้
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะเติบโต 15% หลังจากที่ปีนี้มีการขยายจุดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 50-60 จุด ขณะที่กลยุทธ์การทำตลาดในปีหน้าจะยังเป็นการขยายความร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง และการเติบโตให้กับทุกฝ่าย รวมทั้งการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศด้วย
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,197 วันที่ 2 - 5 ตุลาคม พ.ศ. 2559