ทีเอ็มบีมั่นใจเศรษฐกิจโค้งท้ายฟื้น สินเชื่อเข้าเป้า 6%กดหนี้เสียต่ำ3%

01 ต.ค. 2559 | 00:00 น.
"บุญทักษ์" มั่นใจสินเชื่อขยายตัวตามเป้า 6% จากปัจจุบันขยายตัว 2.9% เชื่อเศรษฐกิจโค้งท้ายเริ่มฟื้นตัว หลังสัญญาณส่งออกเริ่มกระเตื้อง ด้านเอ็นพีแอลทั้งปีไม่เกิน 3% เน้นตั้งสำรองเต็ม-ตัดหนี้สูญ ล่าสุดส่งบัญชี "ทีเอ็มบี ออลล์ ฟรี" ตั้งเป้าลูกค้า 1 ล้านบัญชี

นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (บมจ.) หรือ ทีเอ็มบี กล่าวว่า ช่วง 8 เดือนแรก มีอัตราการเติบโตแล้วประมาณ 2.9% จากเป้าหมายทั้งปีอยู่ที่ 6% มาจากสินเชื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อหมุนเวียน ส่วนในช่วงที่เหลือของปี หากดูตัวเลขการส่งออกที่เริ่มกระเตื้องขึ้น และโครงการภาครัฐที่ทยอยออกมาส่งผลให้เงินเข้าสู่ระบบ ทำให้ความต้องการสินเชื่อจะเพิ่มขึ้น ประกอบกับธนาคารจะเริ่มบุกตลาดสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีเพิ่มขึ้น คาดว่าสินเชื่อจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ 6% จึงไม่ปรับเป้า

ด้านแนวโน้มหนี้เอ็นพีแอล จะเห็นว่าเริ่มทรงตัวได้ภายในต้นไตรมาสที่ 1 ของปี 2560 ขณะที่เอ็นพีแอลของธนาคารเริ่มลดลงอยู่ที่ 2.87% ซึ่งธนาคารพยายามให้ลดลงต่อเนื่องคาดว่าจะต่ำกว่า 3% โดยตั้งสำรองเต็มจำนวน และตัดเป็นหนี้สูญ ปัจจุบันมีอัตราการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มมาอยู่ที่ 143% ซึ่งสูงกว่าปีก่อน ทั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นการตัดหนี้สูญสินเชื่อส่วนบุคคลและเอสเอ็มอี ส่วนหนี้ที่ติดตามค่อนข้างยากและเป็นรายย่อยที่กระจายทั่วประเทศจะขายให้ผู้เชี่ยวชาญและมีเครือข่ายติดตามได้ดีกว่า

สำหรับ บัญชี "ทีเอ็มบี ออลล์ ฟรี" ใหม่ เป็นผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องจากปีก่อนที่ให้ลูกค้าโอนเงินและจ่ายบิล 5 ครั้งต่อเดือน ขณะที่บัญชีใหม่นี้สามารถทำธุรกรรมทางการเงิน กด โอน จ่าย ฟรี ไม่มีค่าธรรมเนียม และไม่จำกัดจำนวนครั้งลูกค้าสามารถโอนเงินสูงสุดต่อวัน 5 แสนบาท โดยจะเสียค่าแรกเข้า 500 บาท ส่วนปีต่อๆ ไป ปีละ 350 บาท ซึ่งมีฐานลูกค้า 1.2 ล้านบัญชี (ตั้งแต่เม.ย. 58-ก.ย.59) โดยธนาคารตั้งเป้าเปิดบัญชีใหม่ภายในปีนี้จำนวน 1 ล้านบัญชี หรือคิดเป็นการเติบโต 40% รวมถึงลูกค้าที่สมัคนพร้อมเพย์สามารถทำธุรกรรมไม่จำกัดวงเงิน ไม่เสียค่าธรรมเนียม

ทั้งนี้ ธนาคารจะมีรายได้ค่าธรรมเนียมจากผลิตภัณฑ์การลงทุนต่างๆ เช่น กองทุนรวม แบงก์แอสชัวรรันส์ หรือธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศ (Trade Finance) และหนังสือค้ำประกัน (L/G) เป็นต้น ซึ่งครึ่งปีแรกมีอัตราเติบโตดีขึ้น โดยกองทุนและแบงก์แอสชัวรันส์เติบโตสูงถึง 40% ธุรกรรมเทรนไฟแนนซ์โต 20% โดยรวมรายได้ค่าธรรมเนียมจะขยายตัวอยู่ที่ 30-40% จากผลิตภัณฑ์การลงทุน

"เราออกผลิตภัณฑ์นี้เพื่อเป็นช่องทางดิจิตอลที่เน้นความสะดวก ปลอดภัย และเน้นขยายฐานลูกค้ามากกว่าต้องการเงินฝาก ซึ่งจะเห็นว่าในปีก่อนเงินฝากเติบโตกว่า 10% ซึ่งสูงมาก ทำให้สัดส่วนเงินฝากต่อสินเชื่ออยู่ที่ 90-92% เพราะสินเชื่อไม่ขยายตัว แต่ปีนี้เงินฝากเริ่มลดลง เพราะไม่เน้นเอาเงินฝากเข้ามา ปัจจุบันธนาคารมีฐานเงินฝากรวมทั้งสิ้น 4-5 ล้านบัญชี"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,196
วันที่ 29 กันยายน - 1 ตุลาคม พ.ศ. 2559