ปภ.เผย 8 จังหวัดเจอปัญหาน้ำไหลหลากและดินไสลด์

23 ก.ย. 2559 | 03:25 น.
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย รายงานสถานการณ์น้ำไหลหลากและดินไสลด์  ใน 8 จังหวัด 17 อำเภอ 27 ตำบล ได้แก่ ชัยภูมิ พังงา กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ นครราชสีมา สุโขทัย พิษณุโลก และหนองบัวลำภู ทั้งนี้ ปภ.ได้บูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วนเร่งสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลัง โดยปัจจุบันมีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) จำนวน 7 จังหวัด 23 อำเภอ 113 ตำบล 649 หมู่บ้าน อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่น และฝนตกหนักหลายพื้นที่กับฝนตกมากบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

นายฉัตรชัย  พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่องหลายพื้นที่ในระยะนี้ ส่งผลให้เกิดน้ำไหลหลากและดินไสลด์ใน 8 จังหวัด ได้แก่ ชัยภูมิ พังงา กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ นครราชสีมา สุโขทัย พิษณุโลก และหนองบัวลำภู โดย ชัยภูมิ น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่อำเภอจตุรัส รวม 2 ตำบล บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 400 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง พังงา น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอคุระบุรี อำเภอกะปง และอำเภอตะกั่วป่า รวม 8 ตำบล และเกิดดินสไลด์บริเวณถนนสายดอกแดง-ปากวีป (สะพานเหล็ก) ปัจจุบันระดับน้ำลดลงและสามารถใช้เส้นทางสัญจรได้แล้ว กำแพงเพชร น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอคลองขลุง อำเภอปางศิลาทอง และอำเภอขาณุวรลักษบุรี ปัจจุบันระดับน้ำลดลง เพชรบูรณ์ น้ำในแม่น้ำป่าสักเอ่อเข้าท่วมอำเภอเมืองเพชรบูรณ์ ระดับน้ำสูงประมาณ 50 เซนติเมตร ปัจจุบันระดับน้ำทรงตัว

นครราชสีมา น้ำท่วมขังในพื้นที่ 6 อำเภอ 6 ตำบล ได้แก่ อำเภอโนนสูง อำเภอพิมาย อำเภอชุมพวง อำเภอปากช่อง อำเภอเมืองนคราชสีมา และอำเภอสีคิ้ว ปัจจุบันเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว 5 อำเภอ มีเพียงอำเภอสีคิ้วที่ยังคงมีน้ำท่วมขัง บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 8 ครัวเรือน สุโขทัย น้ำจากแม่น้ำยมล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมพื้นที่ 5 อำเภอ 21 ตำบล 141 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอเมืองสุโขทัย อำเภอสวรรคโลก อำเภอศรีสำโรง อำเภอกงไกรลาศ และอำเภอบ้านด่านลานหอย บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 4,618 ครัวเรือน ถนน 25 สาย พื้นที่การเกษตร 40,703 ไร่ ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ส่วนอำเภอเมืองสุโขทัยระดับน้ำทรงตัว พิษณุโลก น้ำจากแม่น้ำยมไหลเข้าท่วมพื้นที่อำเภอบางระกำ บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 500 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตร 2,800 ไร่ บ่อปลา 4 บ่อ ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำทางการเกษตร แต่ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง หนองบัวลำภู น้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่อำเภอศรีบุญเรือง บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 3 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตร 100 ไร่ ปัจจุบันระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ มีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) จำนวน 35 จังหวัด 120 อำเภอ 439 ตำบล 2,609 หมู่บ้าน ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว 28 จังหวัด เหลือ 7 จังหวัด 23 อำเภอ 113 ตำบล 649 หมู่บ้าน ที่ยังคงประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัย จึงได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย บูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วนเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย แจกจ่ายถุงยังชีพ และเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในเบื้องต้น รวมถึงระดมสรรพกำลัง วัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลัง และฟื้นฟูสาธารณูปโภคให้ใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ กับมีฝนตกมากบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ท้ายนี้ ผู้ประสบภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป