วิกฤติเตียงเต็ม งัดแผนรักษาโควิดที่บ้าน

29 มิ.ย. 2564 | 10:57 น.

วิกฤติเตียงเต็ม งัดแผนรักษาโควิดที่บ้าน : คอลัมน์ฐานโซไซตี หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3692 ระหว่างวันที่ 1-3 ก.ค.2564 โดย...กาแฟขม

*** สถานการณ์โควิดระบาดล่าสุดยังคงรุนแรงสูงลิ่ว ยอดผู้ติดเชื้อรายวันประจำวันที่ 28 มิ.ย.2564 อยู่ที่ 5,406 ราย มาจากผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5,397 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำที่ต้องขัง 9 ราย ผู้ป่วยสะสม (ตั้งแต่ 1 เม.ย.64) 220,990 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 22 ราย หายป่วยเพิ่ม 3,343 ราย หายป่วยสะสม (ตั้งแต่ 1 เม.ย.64) 174,845 ราย สถานการณ์เตียงพยาบาลผู้ป่วยหนัก ในกทม.ไข่แดงของประเทศวิกฤติสุดแล้ว ผู้ว่าฯ กทม.ต้องประกาศและจัดการเพิ่มเตียงสนามรับผู้ป่วยวิกฤติให้ได้ 1,000 เตียงโดยเร็ว

*** ผลจากการยกระดับคุม “แคมป์คนงาน” ห้ามนั่งร้านอาหาร ก็เหมือนกึ่งล็อกดาวน์ แต่เป็นการปิดเฉพาะจุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแถลงเมื่อบ่ายวันศุกร์ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนประกาศราชกิจจานุเบกษากลางดึกวันเสาร์ 26 มิ.ย. ต่อเช้าวันอาทิตย์ 27 มิ.ย. มีผลบังคับใช้ 28 มิ.ย. เสียงอึงคะนึงดังขึ้นรอบทิศหนักไปในทางก่นด่า โดยเฉพาะร้านอาหารในเรื่องการบริหารวัตถุดิบ ทุกคนเลยออกมาร้อง อย่างนี้เจ๊งแน่นอน ผสานเข้ากับแคมป์คนงานที่ประกาศปิด ไม่มีใครอยู่รอ ถนนมิตรภาพตั้งแต่สายๆ ปกติรถไม่ติด กลับมาติด เมื่อประกาศปิดแคมป์พวกเขาก็ต้องเผ่นก่อน คราวนี้ต่างจังหวัดพื้นที่รับคนกลับภูมิลำเนาก็จะเป็นพื้นที่เสี่ยงใหม่ ไม่รู้กลุ่มคนที่มาจากพื้นที่สีแดง กทม.จะนำเชื้อมาแพร่กระจายหรือไม่

*** ที่น่าอิดหนาระอาใจและต้องบอกกันตรงๆ การแถลงของนายกรัฐมนตรีในภาวะวิกฤติ แล้วหล่นคำ “นะจง นะจ๊ะ” นี่ไม่เหมาะสมเอาเสียเลย ที่ปรึกษาใกล้ชิดแอบกระซิบหน่อยเถิด มันเสียบุคลิกความเป็นผู้นำ ที่ประเทศชาติต้องการผู้นำที่หนักแน่นเข้มแข็ง เรียกร้องระดมพลัง ปลุกความเชื่อมั่นในการต่อสู้กับสงครามโรค การพูดเช่นนั้น แม้จะมีสัญลักษณ์ชู 2 นิ้วเป็นรูปตัว V แต่ไม่อาจสร้างความเชื่อมั่นขึ้นมาได้ และถูกทำลายลงไปพร้อมกับคำ #“นะจ๊ะ” ที่ติดเทรนด์โลกออนไลน์ทันที ซึ่งในยามทุกข์ยากของครอบครัวผู้สูญเสียจากโควิด-19 ผู้นำต้องแถลงชัดเจน หนักแน่น บอกถึงขั้นตอนบริหารจัดการ ขอความร่วมมือกับประชาชนอย่างไร ให้ปฏิบัติอย่างไร ไม่ใช่พูดให้ตลกโปกฮา ยิ้มร่า ก็ไม่เหมาะไม่ควร วอน ฯพณฯ ทบทวนเป็นการด่วนด้วยเถิด

*** มาจนได้ เมื่อเตียงพยาบาลไม่พอ ก็ต้องหาทางเสริมเตียง เมื่อเสริมเตียงไม่ไหวก็ต้อง “รักษาอยู่กับบ้าน” Home Isolation กรมการแพทย์มีแนวทางปรับการรักษา ให้กลุ่มผู้ป่วยที่ติดเชื้อ แต่ไม่แสดงอาการ สามารถกักตัวรักษาได้ที่บ้าน ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ พยาบาล ซึ่งจะทำให้โรงพยาบาลสนาม สามารถบริหารจัดการเตียงให้กับผู้ป่วยที่มีอาการหนักได้ ผู้ป่วยต้องมีอายุน้อยกว่า 60 ปี ไม่มีอาการ มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง อยู่คนเดียว หรือ มีผู้อยู่ร่วมที่พักไม่เกิน 1 คน ไม่อ้วน ไม่ป่วยโรคปอด โรคไตเรื้อรัง โรคหัวใจ และ หลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน ยินยอมแยกตัวในที่พักของตนเองอย่างเคร่งครัด ห้ามใครมาเยี่ยม ไม่สัมผัสกับผู้สูงอายุหรือเด็ก รักษาระยะห่างอย่างน้อย 2 เมตร แยกห้องพัก แยกที่นอน เปิดหน้าต่าง ไม่รัปประทานร่วมผู้อื่น สวมหน้ากากอนามัย หรือ หน้ากากผ้า ตลอดเวลาที่จะออกมาจากห้องที่พักอาศัย ล้างมือด้วยสบู่ทุกครั้งที่จำเป็นจะต้องสัมผัสกับผู้อื่น แยกซักเสื้อผ้า ใช้ห้องน้ำแยก หมั่นสังเกตอาการตนเอง วัดอุณหภูมิทุกวัน หากมีอาการแย่ลง ให้ติดต่อโรงพยาบาล

*** ดูข้อมูลทางวิชาการเรื่อง “วัคซีน” กันหน่อย ประสิทธิผลของวัคซีน Coronavac ของบริษัท ซิโนแวค ผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค ครบ 2 เข็มอย่างน้อย 14 วัน มีประสิทธิผลในการลดการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์อัลฟา ได้ร้อยละ 71 -91 ในกลุ่มบุคลากรสาธารณสุขจากเหตุการณ์การติดเชื้อที่จังหวัดเชียงราย พบวัคซีนมีประสิทธิผลร้อยละ 82.8 และจากฐานข้อมูลกรมควบคุมโรค ศึกษาในบุคลากรสาธารณสุข พบมีประสิทธิผลร้อยละ 70.9 โดยคนที่ได้รับวัคซีน ไม่มีผู้ใดเสียชีวิตจากโควิด ส่วนประสิทธิผลต่อสายพันธุ์เดลต้า (อินเดีย) ที่พบการระบาดเพิ่มมากขึ้น อยู่ระหว่างการศึกษารวบรวมข้อมูล

*** เรื่องเตียงไม่พอ นายกฯ “สั่งการให้เตรียมขยายเตียงสีแดงรับผู้ป่วยให้ได้มากขึ้น ปัญหาอยู่ที่มีสถานที่ เครื่องมือ ต้องมีบุคลากรทางการแพทย์ จะนำแพทย์ที่กำลังจะจบเข้ามาช่วย ที่ต้องมีความรู้ในการดูแลผู้ป่วยทั้งระดับสีเขียว สีเหลือง และสีแดง มันต้องคิดซับซ้อนหลายอัน อาจจะถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้าง แต่เราฟังความคิดเห็นทุกคน เห็นใจนะ เห็นใจซึ่งกันและกันแหละ มันไปได้หมด ถ้าไม่เห็นใจซึ่งกันและกันมันก็ไปไม่ได้”ก่อนไพล่ไปพูดเรื่องการเมืองและจบลงที่.. “รัฐบาลต้องเป็นหนึ่งเดียวในการดูแลประชาชนตรงนี้ ต้องมาดูผลงานที่ครม.เขาทำมา โอเคไหมจ๊ะ นะ" ลงด้วยจ๊ะอีกแล้ว

*** เลี้ยวไปเรื่องธุรกิจเล็กน้อยด้วยประเด็นสำคัญ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นำทีมร่วมกับอีก 11 บริษัทจัดตั้งเครือข่าย Carbon Markets Club ว่าด้วยโลกร้อน ทุกประเทศต้องร่วมมือรักษาอุณหภูมิไม่ให้เพิ่ม ต้องเปลี่ยนผ่านไปใช้พลังงานสีเขียวแทนฟอซซิล ที่การพัฒนาเทคโนโลยี หรือ นวัตกรรมสีเขียว ต้องมีมาตรการอุดหนุนจากรัฐบาล หรือนำภาษีจากประชาชนมาสนับสนุนอยู่ การซื้อขายคาร์บอนจึงช่วยตอบโจทย์นี้ โดยหน่วยงาน หรือ องค์กร ที่เป็นผู้ผลิต หรือ มีรายได้จากอุตสาหกรรมหนัก หรือใช้พลังงานฟอสซิล ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นผ่านการซื้อขายคาร์บอน หรือ การจ่ายภาษีทางอ้อม เพื่อนำเงินที่ได้จากการจำหน่ายคาร์บอนไปอุดหนุนการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว การจัดตั้งเครือข่าย Carbon Markets Club จะเป็นส่วนหนึ่งช่วยให้เตรียมตัวรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ นี้ได้ว่างั้น