colloquialism-ปัญหาการสื่อสารของคนระดับนายกรัฐมนตรี

28 มิ.ย. 2564 | 06:23 น.

colloquialism-ปัญหาการสื่อสารของคนระดับนายกรัฐมนตรี : คอลัมน์ Cat out of the box ฐานศรษฐกิจออนไลน์

วันศุกร์ที่ 25 มิ.ย.2564 นายกรัฐมนตรีบ้านเรา แถลงข่าวที่ทุกคนเฝ้ารอฟังว่าล็อคดาวน์ ไม่ล็อคดาวน์กรุงเทพมหานครในวิกฤตโควิดละลอก 3.8 ด้วยท่าทีที่คิดไปเองว่าน่าจะดี ด้วยถ้อยคำชนิดว่า "นะจ๊ะ" "เข้าใจไหม" และส่งสัญญาณมือรูปตัว V ใส่หน้ากล้องบ่งนิยามความหมายว่า VACCINETECD คือฉีดวัคซีนและ Victory ต้องชนะ แถมยังมีช็อตภาษามือปล่อยนิ้วโป้งและนิ้วก้อย 

โดยบอกวาจาอันสุนทรว่ารักนะจ๊ะ เฮ้ย ! แถมยังยิ้ม ฉีกยิ้มใส่กล้องจนหางตาหยี

เหล่าบรรดานักหนังสือพิมพ์และสื่อสารมวลชน พากันถอนใจ ป่าว ไม่ใช่โล่งใจ ว่า ไม่ปิดกทม.,แต่แสลงใจว่าใครหนอช่างไม่กล้า ทัดทานฯพณฯนายกรัฐมนตรีถึงท่าทีอันเหมาะควรต่อแถลงการณ์สำคัญที่เรียกว่าการสื่อสารในภาวะวิกฤต

                                                           วินสตัน เชอร์ชิล

ครั้งหนึ่ง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ วินสตัน เชอร์ชิล ยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ตกที่นั่งผู้นำประเทศฝ่าวิกฤตสงครามโลก ฮิตเลอร์นาซีบุกประชิดชายแดน ในสถานการณ์คับขันนี้ มีพระบรมราชโองการตั้งครม.อังกฤษสู้สงคราม ไปรวมหัวหน้าทั้งฝ่ายแค้นและฝ่ายค้านให้มาอยู่ในการนำบัญชาการของเชอร์ชิล ฟากหนึ่งเป็นศึกนอกฮิตเลอร์บุก ฟากหนึ่งเป็นศึกใน คนในครม.ตีกันเอง พวกหนึ่งขัดขา อีกพวกว่าอย่ารบ จะไปทาบทามอิตาลีเรียกมุสโซลินีมาเป็นคนกลางหย่าศึก โดยมีถ้อยคำปลอบใจตัวเองว่า ไปเจรจาสันติภาพ ซึ่งฉาบไว้เบื้องหน้ากิริยาการยกธงขาว-ยอมแพ้

ท่ามกลางแสงแฟลชวูบวาบ และกิริยารุกเร้า ของประดานักข่าวและสื่อสารมวลชนผู้หิวกระหายความขายหน้าของท่านผู้นำ ผู้ถูกรุมเร้าด้วยศึกในฟัดกันเอง แย่งเก้าอี้ และศึกนอกราชการสงคราม ท่านมหาเสนาเชอร์ชิลล์ ก็คาบซิก้าชู 2 นิ้ว ใส่กล้องเข้าให้ เป็น 2 นิ้วชี้และนิ้วกลางออกเป็นรูปตัว V ทว่า หันหลังนิ้วเข้าหาสื่อ หันฝ่ามือเข้าใบหน้า โดยคำรามประกอบกิริยานั้นว่า V for   Victory,nothing than victory will do นี่คือ V วี วิคทรี่ ไม่มีอะไรสูญไปนอกจากชัยชำนะ 

หนังสือพิมพ์วันรุ่งขึ้นก็ลงข่าวคำขวัญนี้ ประกอบรูปถ่ายสีขาวดำของหลังมือ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีเรียกเสียงฮาครืนจากทุกฝ่าย ผู้ใดอ่านหนังสือพิมพ์เช้าวันนั้น โดยเฉพาะบรรดาเจ้าของร้านชำและคนเดินถนน 

ท่านเสนาบดีผู้ครั้งหนึ่งเริ่มชีวิตวัยเยาว์จากรั้วโรงเรียนแฮร์โรว์ ไปติดยศนายร้อยโทเหล่าทหารม้าประจำกองทหารฮุสซาร์ม้าหลวง รักษาพระองค์ มิทราบสัญลักษณ์ภาษามือ-colloquialism ว่า 2 นิ้วหันหลังนั้นชาวบ้านรู้กันทั่วว่าเป็นคำด่าทอแสนหยาบคาย

                                                                    วินสตัน เชอร์ชิล

ในสมัยสงครามระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส ยามเมื่อพวกฝรั่งเศสจับเชลยอังกฤษได้มักจะลงทัณฑ์โดยการตัดนิ้วชี้และนิ้วกลางของเชลยทิ้งเสีย เพื่อไม่ให้มีโอกาสง้างคันศรยิงลูกหน้าไม้เข้าใส่พวกตนได้ อีทีนี้ใครที่รอดจากภัยตัดนิ้วนี้ไปได้ก็จะเยาะเย้ยไยไพ แก่ไอ้พวกฝ่ายตรงข้ามโดยการชู 2 นิ้วให้เห็น เป็นกิริยาอย่างว่า และโดยรำพึงในใจและเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันว่า " โถ ,ไงละไอ้กบ(อังกฤษหยามกับข้าวชนิดนี้ของคนฝรั่งเศสคู่อริ จึงเอามาใช้เรียก)นิ้วข้ายังอยู่ครบ เด๋วสิ กูยิงลูกศรเข้ารูตูดมึงให้แสบสันต์เลยคอยดู"

บรรทัดข้างต้นนี้เป็นวาบความคิดเกรี้ยวกราดในหัวใจของเชลยพูดกับตัวเองเอาความคิดที่ห้องอยู่ในหัวมาถ่ายทอดเป็นตัวอักษร อาจดูว่าหยาบแต่คงไม่บาปกระมัง ?
จำเนียรกาลผ่านมาcolloquialism สัญญลักษณ์มือสื่อสารนี้จึงนำมาใช้แทนความคับข้องคับแค้นที่ว่าพูดไม่ออก บอกแล้วไม่สุภาพ 

มหาเสนาบดีเชอร์ชิล เช้าวันนั้นได้ยินเสียง เลขานุการิณีทั้งทีมหัวเราะคิกคักกับหน้าหนังสือพิมพ์ที่ลงหน้าตัวเองชู 2นิ้ว หันหลังมือจึงถามแก่ปวงหล่อนด้วยซื่อว่าขำอะไรกันฤาหนักหนา

พวกหล่อนจึงว่า หลังมือ 2 นิ้วนี้ภาษาตลาดเขาแปลกันว่า"up your bum ที่ "bum ในนิยามอังกฤษแสบกว่าแก้มก้น แก้มกอย เป็นหนักหนา เพราะมันแปลว่ารูแห่งทวาร ส่วนคำว่า UP นั้นมันก็แปลความหมายว่าของเคยอ่อนผงก"ขึ้น"มาโสตหนึ่ง อีกโสตหนึ่งก็คือ อ้ายของผงกพรรค์นั้นมันชำแรกแทรกเข้าไป เข้าไปไหน? สาธุชนพึงจิตภาพความเจ็บแสบทุรนแถมขายหน้าได้เอง ณ บรรทัดนี้ 
 

ท่านนายกรัฐมนตรีก็ถึงขั้นขำดิ้น ด้วยเพราะเหตุผู้ดีไม่คาดฝัน ว่าเจตนาเร่งกิริยา ให้กำลังใจ ไฉนกลายเป็นสบถด่าทอไปได้ 

คำถามมีว่าประดาผู้เสพสารในยุคนั้น ของเชอร์ชิลเห็นสองนิ้วกลับหลัง ตามรูปสัญญลักษณ์แล้วไซร้ ให้ความเห็นอย่างไรบ้าง ?

แน่นอนว่าผู้เข้าใจบริบทการที่ท่านผู้นำ ถูกกลุ้มรุมด้วยศึกนอก ศึกในถาโถมไฉนเลยพวกสื่อสารมวลชนไม่เห็นใจ รุมจิก รุมทึ้ง เสนาผู้เฒ่าราวนกกระจอกจิก โดน UP your bum ไปสักทีคงมีสติมาช่วยเหลือร่วมมือกันมากขึ้น-สาใจ

                                                          คึกฤทธิ์ ปราโมช

คล้ายกับวันหนึ่ง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีคึกฤทธิ์ ปราโมช บนรถเข็นวีลแชร์ ส่ง colloquialism ด้วยฝ่าเท้ายกให้กล้อง ตามแส่เรื่องส่วนตัวของชีวิต ถ่ายตีนกูนี่ 

แต่ในทางกลับกัน สาส์นที่จะสื่อออกไปให้แก่มวลชนนั้นเสียหาย ไม่ตรงและขาดพลังสัมฤทธ์ ไปอย่างน่าเสียดาย 

ทว่าเชอร์ชิล เป็นคนแก้ปัญหาในยามสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานและสถานการณ์บีบเค้น ท่านเสนาบดีผู้เฒ่าลงมือวิจัยและศึกษาหาทางเขียนและพูดสุนทรพจน์ของเขาเอง ย้ำว่าของเขาเอง มาเป็นเครื่องมือในการสื่อสารกับคนหมู่มาก 

การวิจัยของเชอร์ชิล คือการลงมือไปสัมผัสปัญหาให้ถึงจุดแล้ว จึงกลับมาร่างมาเขียนสาส์นที่เขาอยากบอกกับประชาชนอยากบอกกับรัฐสภา เชอร์ชิลไม่รอการสัมภาษณ์จากนักข่าว แต่ชิงลงมือแถลงการณ์สุนทรพจน์ที่เขาทำการบ้าน และเตรียมการซ้อมมือ ซ้อมปาก มาแต่บ้านตัดหน้าสำนักข่าวเสมอ

สุนทรพจน์ของเชอร์ชิลนั้นจับใจ แต่หามิใช่ว่าเขาเป็นนักตีฝีปาก (นั่นมันงานโฆษก ไม่ใช่งานระดับนายกฯ)เชอร์ชิลพูดด้วยสิ่งที่เรียกว่า Thorough understanding ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ถ่องแท้ในตัวปัญหา ถ่องแท้ในข้อจำกัดและถ่องแท้ในสถานการณ์ทุกคราวที่เขากระจายเสียงแบบรวมการณ์เฉพาะกิจ จึงได้รับความร่วมมือจากประชาชนเสมอมา 

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กล่าวไว้ว่า If you can”t explain it simply,you don”t understand it well enough ถ้าใครไม่สามารถอธิบายเรื่องให้คนอื่นเข้าใจได้ง่ายๆนั่นแปลว่าคนๆนั้นไม่ได้เข้าใจเรื่องนั้นดีพอ

เวลาผ่านมาหลายสิบปีตั้งแต่ยุคของเชอร์ชิล สงครามโลก มาบัดนี้ผู้คนทั้งหลายรวมทั้งไอสไตน์ คงไม่ปฏิเสธว่าวินสตัน เชอร์ชิลเป็นผู้นำที่ทำการบ้านเพื่อการสื่อสารมวลชนได้ดีเยี่ยมจนสมควรยกย่องให้เป็นแบบอย่างที่ไม่มีวันล้าสมัย หากว่าใครคิดอยากจะเป็นรัฐบุรุษกับเขาบ้าง 

ในวิกฤติมหาสงครามนาซียึดโลกครั้งนั้น เชอร์ชิลกล่าวสุนทรพจน์สำคัญเชื่อมใจคนในชาติ ด้วยหมดความหวัง จงรุกต้านทัพนาซีนอกประเทศ ให้พร้อมใจกันปักหลักสู้ตาย วาทะของเชอร์ชิลนั้นเปลี่ยนใจทั้งฝ่ายแค้น ฝ่ายค้าน อันเป็นผลจากการทำงานหนักในการหาจุดร่วมของความเป็นชาติจากนั้นปรากฎกายที่ใดใช้สัญลักษณ์ทางกาย colloquialism  ชู 2 นิ้วหันหน้าประกอบสุนทรวาจา " V for Victory" 2 นิ้วนี่เพื่อเรามีชัยชนะสื่อสารออกไป เพื่อย้ำว่ากลไกบริหารรัฐกิจแห่งเขานั้นไปได้

เชอร์ชิลไม่เรียกร้องขอกำลังใจ ทว่าจากการทุ่มเทแรงกายแรงใจและสัมฤทธิ์ผลของการสื่อสารนั้นเองส่งผลให้ชนทั้งชาติพร้อมใจถวายจิตร่วมแรงร่วมใจเดินไปกับเขาและพลังแห่งความสามัคคีนั้นเองทำให้ประเทศชาติพ้นวิกฤติเพทภัย 

ฝ่ายค้านและฝ่ายแค้น ณ นาทีหนึ่งรำพึงด้วยความคับแค้นใจว่า ไอ้คนอย่างเชอร์ชิลนี้มันทำได้ยังไง พลางทั้งสองฝ่ายสรุปกันเองได้ว่ายามที่ทั้งเกมอังกฤษเหลือกำลังทหารเพียงหยิบมือ 

“วินสตัน เชอร์ชิล”.. ใช้คำพูดเป็นทหารแล้วก็ส่งมันออกไปรบ...