ททท.ชงศบค.19 ส.ค.นี้ขยายเวลาพำนักวีซ่าท่องเที่ยวสูงสุดไม่เกิน45วัน

09 ส.ค. 2565 | 08:42 น.

ททท.ชง “ศบค.” 19 ส.ค.นี้ พิจารณาขยายระยะเวลาพำนักของวีซ่านักท่องเที่ยว รวมถึงวีซ่า on arrival (VoA) เป็นสูงสุดไม่เกิน 45 วัน ขอให้มีผลถึงสิ้นปี 65 หนุนต่างชาติเที่ยวไทยใช้จ่ายมากขึ้นส่วนการขอยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ยังต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.)ในวันที่ 19 ส.ค.นี้ จะมีการเสนอขอให้พิจารณาขยายระยะเวลาพำนักของวีซ่านักท่องเที่ยว (Tourist Visa) จากระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน เป็นสูงสุดไม่เกิน 45 วัน และขยายระยะเวลาพำนักของวีซ่าหน้าด่าน (Visa on Arrival : VoA) เพิ่มจากปกติสามารถท่องเที่ยวเป็นระยะเวลาไม่เกิน 15 วัน เป็นสูงสุดไม่เกิน 45 วันเช่นกัน ให้มีผลตั้งแต่วันอนุมัติจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.2565 ตามข้อเสนอของภาคเอกชนท่องเที่ยว

 

ททท.ชงศบค.19 ส.ค.นี้ขยายเวลาพำนักวีซ่าท่องเที่ยวสูงสุดไม่เกิน45วัน

อย่างไรก็ตามการขยายระยะเวลาพำนัก ไทยเคยทำมาก่อนหน้านี้แล้ว ถือเป็นหนึ่งในมาตรการอำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง (Ease of Traveling) ช่วยให้นักท่องเที่ยวอยู่นานขึ้น ใช้จ่ายมากขึ้น กระตุ้นการกลับมาของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ หลังต้องเผชิญสถานการณ์โควิด-19 ระบาดมานานกว่า 2 ปี

 

ทั้งนี้ททท.ดูข้อมูลผู้ยื่นขอวีซ่าตามสถานทูตไทยในต่างประเทศ พบว่าต้องการอยู่ท่องเที่ยวในประเทศไทยเกิน 30 วัน สะท้อนให้เห็นแนวโน้มพฤติกรรมการเดินทาง นักท่องเที่ยวนิยมอยู่นานมากขึ้น จึงคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะอยู่เที่ยวในประเทศไทยนานขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 5 วัน ใช้จ่ายเฉลี่ยวันละ 4,000-5,000 บาทต่อคน

 

ส่วนข้อเสนอจากภาคเอกชนท่องเที่ยวเรื่องขอให้รัฐบาลพิจารณา “ยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า” หลังได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ทางนายกฯกล่าวไว้ว่า จริงๆ ยังมีความเห็นที่ต้องไปหารือกันในวงกว้างกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เช่น กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.)

 

การขยายระยะเวลาพำนักของวีซ่านักท่องเที่ยวและวีซ่าหน้าด่าน ถือเป็นเรื่องที่ทำได้เร็วกว่า ทาง ททท.จึงเดินหน้าเตรียมเสนอที่ประชุม ศบค.พิจารณาในวันที่ 19 ส.ค.นี้ไปก่อน เพราะตอนนี้อะไรที่ทำได้ ให้ทำไปก่อน เพราะต้องประกาศล่วงหน้าเพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติและผู้ประกอบการได้เตรียมตัว ส่วนเรื่องการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ต้องหารือกันเพิ่มเติมในระดับนโยบายอีกที