ส่งออกไทยไปจีนคึกคัก อานิสงส์เปิดประเทศ สรท.ลุ้นตัวเลขโต7%

14 ม.ค. 2566 | 23:30 น.

สรท.ลุ้นส่งออกไทยไปจีนปี 66 กลับมาขยายตัวได้ 5-7% รับจีนเปิดประเทศเคลื่อนเศรษฐกิจขยายตัว ผลไม้สด ยางพารา เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ คาดพลิกบวก หลังปี 65 ติดลบ ม.หอการค้าไทยมองต่างคาดโตได้แค่ 0.5-1% หลังโควิดจีนยังระบาดหนัก จับตาฉุดการบริโภค นำเข้า-ส่งออก ชะลอตัว

สถานการณ์การค้าขายกับจีน คู่ค้าอันดับ 1 ของไทยยังน่าห่วง ตัวเลขล่าสุดช่วง 11 เดือนแรกปี 2565 การค้าไทย-จีนมีมูลค่ารวม 97,293.74 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (3.39 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 3.13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในจำนวนนี้ไทยส่งออกมูลค่า 31,831.18 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (1.09 ล้านล้านบาท) ลดลง 6.48% นำเข้า 65,462.56 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (2.29 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 8.56% ไทยขาดดุลการค้าจีน 33,631.38 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (1.19 ล้านล้านบาท)

 

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า คาดทั้งปี 2565 การส่งออกไทยไปจีนจะอยู่ในแดนลบ มูลค่าจะลดลงจากปี 2564 ประมาณ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (จากปี 2564 มีมูลค่าส่งออก 37,265.62 ล้านดอลลาร์) หรือจะมีมูลค่ารวมประมาณ 35,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

การลดลงของการส่งออกไปจีนที่ลดลงในปีที่ผ่านมา มีส่วนสำคัญจากการส่งออกในกลุ่มสินค้าผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งที่ลดลงจากมีอุปสรรคการส่งออกติดขัดที่ด่านนำเข้าตามมาตรการคุมเข้มโควิดเป็นศูนย์ (Zero COVID) ของจีนช่วงต้นปี ทำให้เกิดความล่าช้า ก่อนปรับตัวดีขึ้นช่วงปลายปี

 

ต่อมาคือในสินค้าเม็ดพลาสติกที่นำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเส้นใยสังเคราะห์เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ และสินค้าเคมีภัณฑ์ที่นำไปใช้เป็นส่วนผสมของสีทาบ้านเพื่อใช้ในงานก่อสร้าง ที่ขยายตัวลดลงตามภาวะการผลิตของภาคอุตสาหกรรม และภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่ชะลอตัวลง และในสินค้ายางพาราที่นำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตยางล้อรถยนต์ จีนนำเข้าลดลงจากการระบาดของโควิด-19 มีการล็อกดาวน์ในหลายเมืองเป็นระยะ ทำให้ชาวจีนใช้รถยนต์เพื่อการเดินทางลดลง ส่งผลถึงการนำเข้ายางพาราจากไทย

 

นายชัยชาญ  เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย

 

สำหรับในปี 2566 หลังจีนประกาศเปิดประเทศ สรท.คาดการส่งออกไทยไปจีนในปีนี้จะขยายตัวได้ที่ 5-7% หรือมีมูลค่า 38,000-40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (จากฐานตัวเลขปี 2565 ที่ตํ่า)โดยสินค้าส่งออกที่ติดลบจะกลับมาขยายตัวได้ดีขึ้น เช่น ผลไม้สด จากกฎระเบียบการนำเข้าที่คุมเข้มเรื่องโควิดของจีนผ่อนคลายลง ยางพารา จากจีนผ่อนคลายมาตรการ Zero COVID ทำให้ชาวจีนเดินทางและมีการใช้รถยนต์เพิ่มขึ้น และเม็ดพลาสติกและเคมีภัณฑ์คาดจีนจะมีการนำเข้าเพิ่มขึ้น แต่คงไม่มาก เพราะจีนมีแหล่งผลิตในประเทศได้เพิ่มขึ้น ขณะที่ในผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่จีนนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตพลังงานทดแทน คาดยังมีการนำเข้าต่อเนื่อง

 

ส่งออกไทยไปจีนคึกคัก อานิสงส์เปิดประเทศ สรท.ลุ้นตัวเลขโต7%

 

“อย่างไรก็ดีในปีนี้การส่งออกไปจีนยังต้องจับตาสถานการณ์โควิดในจีนหลังเปิดประเทศเต็มรูปแบบ รวมถึงช่วงหลังตรุษจีนในปลายเดือนมกราคมนี้จะเป็นอย่างไร ส่วนในสินค้าผลไม้สดที่มีทุเรียนเป็นสินค้าหลักภาครัฐที่เกี่ยวข้องต้องคอยประสานงานกับฝ่ายจีนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการส่งออกติดขัดที่ด่านทางบกเหมือนในปีที่ผ่านมา”

 

ขณะเดียวกันมีข้อแนะนำผู้ส่งออกไทยที่ทำตลาดจีนอย่างน้อยใน 2 เรื่องสำคัญคือ 1.จากที่จีนเปิดประเทศ ทำให้ภาคการผลิตและการส่งออกของจีนกลับมาเป็นปกติ ขณะที่เงินบาทของไทยคาดจะแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องในช่วง 1-2 เดือนนับจากนี้ ดังนั้นต้องป้องกันความเสี่ยงโดยการตั้งราคาสินค้าต้องคำนวณเผื่อเงินบาทที่จะแข็งค่าขึ้นด้วยเพื่อป้องกันการขาดทุน และ 2.ขอให้คู่ค้าชำระเงินค่าสินค้าหรือวางมัดจำล่วงหน้าก่อนทำการผลิตและส่งมอบ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการถูกยกเลิกออเดอร์

 

ด้าน รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า คาดการส่งออกของไทยไปจีนในปี 2565 จะลดลงหรือติดลบที่ประมาณ 5.9% หรือมีมูลค่ารวมทั้งปีที่ประมาณ 35,062 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากนโยบาย Zero COVID ทำให้กิจกรรมเศรษฐกิจหยุดชะงัก ส่งผลเศรษฐกิจจีนขยายตัวลดลงจากที่ตั้งเป้า 5% เหลือเพียง 3% การจับจ่ายใช้สอยผู้บริโภคชะลอตัวลง ขณะเดียวกัน การนำเข้าสินค้าไปจำหน่ายในประเทศมีขั้นตอนในการตรวจนานกว่าปกติ

 

รศ.ดร.อัทธ์  พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

 

ส่วนทิศทางแนวโน้มส่งออกไทยไปจีนปี 2566 หลังจีนเปิดประเทศ และยกเลิกมาตรการ Zero COVID จะขยายตัวได้มากน้อยเพียงใดนั้น จากที่ทางการจีนตั้งเป้าการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้ที่ 5% นั้น ชี้ให้เห็นว่าการบริโภคภายในของจีน รวมถึงโรงงานผลิตสินค้าในจีนต้องขยายตัวมากกว่าปี 2565 ประกอบกับการเปิดประเทศของจีน ทั้ง Inbound และ Outbound ทำให้เศรษฐกิจภายในของจีนจะกลับมาคึกคัก ประเมินในเบื้องต้น การส่งออกไทยไปจีนในปี 2566 คาดขยายตัว 0.5-1% คิดเป็นมูลค่า 35,136 -36,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

 

“ปัจจัยบวกต่อการขยายตัวของการส่งออกไทยไปจีนในปีนี้ได้แก่ การเปิดประเทศและจากการผ่อนคลายนโยบายโควิดเป็นศูนย์ รวมถึงเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวมากกว่าปี 2565 ขณะที่ปัจจับลบคือ จำนวนคนจีนติดโควิดจะสูงขึ้น โดย Institute of Health Metrics and Evaluation (IHME) สหรัฐฯ ประเมินว่าถึงต้นเดือนเมษายน 2566 คนจีนจะเสียชีวิตจากโควิด 3 แสนคน ขณะที่ University of Hong Kong ประเมินว่า คนจีนจะเสียชีวิตจากโควิด 684 คนต่อประชากร 1 ล้านคน นั่นแสดงว่าทั้งปี 2566 คนจีนจะเสียชีวิต 1 ล้านคน และ the School of Public Health at Fudan University in Shanghai ประเมินว่าคนจีนจะเสียชีวิต 1.5 ล้านคนใน 6 เดือนข้างหน้า หากประเมินตามนี้ มีโอกาสที่เศรษฐกิจจีนจะไม่ไปถึงเป้าหมาย 5% เพราะจะมีผลต่อการบริโภค การลงทุน การส่งออกและนำเข้าที่ชะลอตัว”

 

อย่างไรก็ตามหากประเมินในแง่ดี และสถานการณ์โควิดในจีนไม่เลวร้าย การบริโภคและกิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนกลับมาเป็นปกติ สินค้าไทยไปจีนในกลุ่มที่คาดจะขยายตัวได้ดีในปีนี้ ได้แก่ สินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป ได้แก่ ทุเรียน และผลไม้ชนิดอื่น ๆ และกลุ่มเกษตรแปรรูป เช่น มะม่วงอบแห้ง ผลไม้อบแห้ง,กลุ่มอาหารสุขภาพ และอาหารแห่งอนาคต (Future Food),กลุ่มสินค้าที่มีมาตรฐาน GAP และ GMP และกลุ่มสินค้าที่มีแพ็กเกจจิ้งสวยงาม และมีสีสัน ตามเทรนด์ของโลก

 

หน้า 1 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3853 วันที่ 15 -18 มกราคม พ.ศ. 2566