ทองคำนิวยอร์กร่วง 28.3 ดอลล์ กังวลเฟดขึ้นดบ.-ดอลล์แข็งทุบตลาด

06 ธ.ค. 2565 | 00:03 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงหลุดระดับ 1,800 ดอลลาร์ในวันจันทร์ (5 ธ.ค.) ตลาดถูกกดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งคาดเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นดบ.เชิงรุก

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 28.3 ดอลลาร์ หรือ 1.56% ปิดที่ 1,781.3 ดอลลาร์/ออนซ์
         

  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 83.3 เซนต์ หรือ 3.58% ปิดที่ 22.417 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 19.1 ดอลลาร์ หรือ 1.86% ปิดที่ 1,007.50 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 39.80 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 1,861.30 ดอลลาร์/ออนซ์

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.71% แตะที่ 105.2920 ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ดีดตัวขึ้นแตะระดับ 3.595% เมื่อคืนนี้
         

ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ ส่วนการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย

 

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลที่ว่า เฟดอาจเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกต่อไป หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคบริการและตัวเลขการจ้างงานที่ขยายตัวสูงกว่าคาดในเดือนพ.ย.


ทั้งนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 56.5 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 54.4 ในเดือนต.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 53.1 โดยดัชนีที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคบริการ
         

ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 263,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 200,000 ตำแหน่ง ส่วนตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน พุ่งขึ้น 5.1% เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 4.6% โดยตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ
         

รายงานล่าสุดระบุว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 89% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. และคาดว่าอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะถึงจุดพีกที่ระดับ 4.984% ในเดือนพ.ค. 2566