เอกชนฟันธงส่งออกไทยปี2566 ขยายตัวแค่2-3%

24 พ.ย. 2565 | 09:06 น.

เอกชนไทยฟันธงส่งออกปี66โต2-3% ส่วนไตรมาส4ปี65คาดตัวเลขติดลบ3%เป็นครั้งแรกจากสัญญาณชะลอตัวลงอย่างชัดเจนของศก.โลกที่ถดถอย  ด้านสภาพัฒน์ฯ-ธสน.มองส่งออกไทยปี66โตแค่1-2% จากIMFปรับลดลงประมาณการณ์เศรษฐกิจโลกเหลือ2.7%อ่อนแอสุดในรอบ21ปี

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย(สรท.) เปิดเผยว่าส่งออกไทยในปี2565 สรท.มั่นใจว่าจะขยายตัวที่ 7-8%    ส่วนปี 2566 จะขยายตัวเพียง 2-3% หรือคิดเป็นมูลค่า 303,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีระดับความเสี่ยงเพิ่มเป็นเสี่ยงสูงจากปีนี้ที่อยู่ในระดับเสี่ยงปานกลาง ปัญหาเงินเฟ้อที่หลายประเทศยังคงเจอภาวะเงินเฟ้อที่สูงรวมถึงค่าเงินบาทที่มีความผัวผวนมากในขณะนี้

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย(สรท.)

 นอกจากนี้ราคาสินค้าและพลังงานที่ยังแพงต่อเนื่อง ขณะที่สงครามรัสเซีย-ยูเครนยังไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลายส่งผลให้ปัญหาขาดแคลนชิปยังคงมีต่อเนื่อง รวมถึงความกังวลการระบาดโรคโควิด-19 ระลอกใหม่กลับมา รวมทั้งปีหน้าประเทศต่างๆจะนำกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม และแรงงาน มาใช้ในการกีดกันทางการค้ามากขึ้นด้วย

 

“ไตรมาสที่ 4 ปีนี้คาดว่าการส่งออกไทยมีแนวโน้มที่จะเติบโตติดลบ 3% เป็นครั้งแรก เป็นเพราะเริ่มมีสัญญาณชะลอตัวลงอย่างชัดเจนจากเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย เห็นได้จากดัชนีภาคการผลิตของประเทศคู่ค้าหลักในเดือนต.ค.ทั้ง ตลาดยุโรปและสหรัฐฯอยู่ในระดับต่ำกว่า 50  ส่วนการส่งออกไทยปีหน้ายืนยันว่ายังไม่ทรุด  ยังโตได้ 2-3% แต่โตแบบหน่วงๆ เพราะมีลมต้านจากปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอ”

เอกชนฟันธงส่งออกไทยปี2566 ขยายตัวแค่2-3%

ดังนั้นการส่งออกไทยปี2566แม้ว่าจะยังมีโอกาสขยายตัวจากการที่ค่าระวางเรือปีหน้าจะปรับลดลง 37% ตามราคาน้ำมันที่ลดตามความต้องการใช้ที่หดตัวจากเศรษฐกิจโลกถดถอย ขณะที่ปัญหาขาดแคลนคอนเทนเนอร์เริ่มคลี่คลาย แต่ผู้ส่งออกยังคงต้องปรับปรุงสินค้ามีให้มีนวัตกรรมมากขึ้น เร่งเจาะตลาดเกิดใหม่ๆ และกลุ่ม BIMSTEC  ใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอให้มากขึ้น รวมทั้งเร่งทำประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย

ด้านนางสาว อานันท์ชนก สกนธวัฒน์ผู้เชี่ยวชาญด้านแบบจำลองเศรษฐกิจ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปี2566คาดว่าจะขยายตัวได้3-4% จากการฟื้นตัวต่อเนื่องจากปีนี้โดยเฉพาะจากภาคการท่องเที่ยว การบริโภคและลงทุนเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้นมาก  

เอกชนฟันธงส่งออกไทยปี2566 ขยายตัวแค่2-3%

ส่วนเศรษฐกิจโลกยังมีความเสี่ยงเพราะประเทศพัฒนาแล้วมีเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เงินเฟ้อโลกยังสูง โดยในเดือนต.ค. ประเทศยูโรโซนอยู่ที่10.6% สหรัฐฯอยู่ที่ 7.8%  ทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกเตรียมปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย โดยคาดว่าสหรัฐฯอาจปรับขึ้นอีก1-2ครั้ง  ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566  รวมทั้งอาจเกิดปัญหาวิกฤติพลังงานในอียูจากความขัดแย้งสงคราม ขณะที่จีนอาจจะฟื้นตัวช้าจากการระบาดของโรคโควิด-19 รวมทั้งปัญหาหนี้สินในภาคอสังหาฯของจีน ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันปีหน้าคาดว่าจะปรับลดลงเหลือ85-95 ดอลลาร์สหรัฐ/บาเรลจากเศรษฐกิจโลกหดส่วนอัตราแลกเปลี่ยนมีแนวโน้มอ่อนค่าลง 35.5-36.5บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

เอกชนฟันธงส่งออกไทยปี2566 ขยายตัวแค่2-3%

“ปีหน้าเศรษฐกิโลกชะลอ สภาพัฒฯมองว่าการส่งออกปี2566 จะเติบโตได้ 1%  ลดลงจากปีนี้ที่คาดว่าจะโต 7.5% ภายใต้จีดีพีที่ 3-4%  อัตราเงินเฟ้อ 2.5-3.5% แต่มั่นใจว่าปีหน้าการลงทุนภาครัฐจะปรับตัวดีขึ้น “

 ขณะที่นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรีรองกรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(ธสน.) กล่าวว่าส่งออกไทยปี 2566จะชะลอลงเหลือ2% เนื่องจากไอเอ็มเอฟปรับลดลงประมาณการณ์เศรษฐกิจโลกเหลือ2.7%ถือว่าอ่อนแอที่สุดในรอบ21ปี   แต่แม้เศรษฐกิจโลกจะชะลอแต่การส่งออกไทยยังโตได้เพราะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอ เป็นผลมาจากการใช้มาตรการบริหารนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางของแต่ละประเทศเศรษฐกิจโลกไม่ได้ชะลอตัวจากปัญหาวิกฤติ นอกจากนี้ เศรษฐกิจของเอเชีย โดยเฉพาะ อินเดียและอาเซียน เช่น  กัมพูชา เวียดนาม ยังเติบโตแบบโดดเด่น ซึ่งยังเป็นโอกาสส่งออกของไทย