เศรษฐกิจไตรมาส 4 ฟื้น กำลังซื้อกระเตื้อง จับตาค่าแรง-ค่าไฟ

การเปิดประเทศรวมทั้งการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังจากเดิมที่เป็นโรคติดต่ออันตราย ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 พร้อมยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ข้อกำหนด ประกาศและคำสั่งต่างๆของศบค. สร้างความเชื่อมั่นและเชื่อว่าจะกระตุ้นบรรยากาศการจับจ่ายให้กลับมาคึกคัก ปลุกให้เศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่องตลอดไตรมาส 4 นี้

นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย เปิดเผยว่า มองว่ากำลังซื้อมีการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ตอนนี้ความมั่นใจของลูกค้ามีมากขึ้นและเป็นนักท่องเที่ยวที่ประกาศมาจากภาครัฐ เป็นเป้าที่จูงใจและเชื่อว่าจะเข้ามาช่วยค้ำจุนธุรกิจ หน้าที่เราคือบริหารร้านค้าของเราที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวให้ได้ดีขึ้น ซึ่งตอนนี้บรรยากาศการจับจ่ายดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นร้านที่อยู่ในพื้นที่ภูเก็ต หรือสมุย มียอดขายดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ต้องดูนัยยะของการฟื้นตัว เพราะแต่เดิมนักท่องเที่ยว 40 ล้านคนตอนนี้เหลือแค่ล้านกว่าคน ปีหน้าประมาณ 10 ล้านคน ดังนั้นยังมีสิ่งที่ต้องขับเคลื่อนไปข้างหน้า เพราะฉะนั้นเรามองว่าทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยบวกตั้งแต่ไตรมาส4 ไปจนถึงปีหน้า

“ปัจจัยบวกมีมากกว่าปัจจัยลบ โดยปัจจัยลบจะมีเรื่องของเงินเฟ้อราคาสินค้าประเภทบริโภคที่ดีดตัวสูงขึ้น ซึ่งโลตัสทำงานกับภาครัฐยังใกล้ชิดเพื่อพยุงราคาให้ดีที่สุดและช่วยแบ่งภาระของผู้บริโภค ประเด็นที่สำคัญในไตรมาส 4 คือความกังวลในเรื่องของเงินเฟ้อ ค่าใช้จ่าย ค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้น ค่าไฟ ค่า FT ขึ้น ทั้งหมดนี้คาดว่าจะมีผลต่อราคาสินค้าไม่มากก็น้อย เพราะฉะนั้นในการทำตลาดของโลตัสจะมุ่งเน้นในการลดค่าครองชีพและช่วยเหลือลูกค้าให้มากที่สุด”

ส่วนประเด็นค่าเงินบาทที่อ่อนค่า น่าจะส่งผลกระทบโดยตรงกับธุรกิจส่งออก นำเข้า และคนที่กู้เงินดอลลาร์คงจะมีปัญหาเยอะ ขณะที่ประชาชนทั่วไปผลกระทบน้อย แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ ค่าไฟฟ้าและค่าแรงขั้นต่ำ ในส่วนของค่าไฟฟ้าเราใช้พลังงานทดแทนเข้ามาช่วย ภายในสิ้นปีนี้หลังคาไฮเปอร์มาร์เก็ตของเราจะมีโซลาร์รูฟทุกแห่ง ซึ่งเราทยอยติดมาระยะหนึ่ง หรือแม้แต่สาขาขนาดเล็กก็มีแล้วซึ่งช่วยแบ่งเบาภาระค่าไฟทั้งปีไม่ต่ำกว่า 10%

ด้านการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ปกติโลตัสจ่ายสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องปรับเพิ่ม และในช่วง 2-3 เดือนมานี้ภาครัฐก็ช่วยเรื่องเงินสด ประกันสังคม ก็จะช่วยลดภาระส่วนนี้ลงไปมาก เพราะฉะนั้นในระยะสั้นกระทบน้อย ส่วนในระยะยาวก็ต้องมองเทรนด์ไปข้างหน้า ใช้เทคโนโลยีเข้ามาเสริมในการจัดการมากขึ้นเพื่อลดค่าแรงในการเปลี่ยนแปลงราคา เซนเซอร์ควบคุมอุณหภูมิมาใช้จะทำให้สามารถควบคุมค่าไฟฟ้าจากส่วนกลางได้

นางนงนุช บูรณะเศรษฐกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจอาหาร ประเทศไทย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ ไทยเบฟ กล่าวว่า ไตรมาส 4 ปีนี้มีแนวโน้มดีขึ้น หลังจากที่ผู้บริโภคเริ่มออกมาใช้ชีวิตตามปกติ รวมถึงการเปิดประเทศทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มกลับเข้ามามากขึ้น ถือเป็นสัญญาณบวกต่อธุรกิจและเศรษฐกิจโดยรวมดังนั้นหน้าที่ของผู้ประกอบการคือการหาโมเดลที่ตรงกับความต้องการของเขา รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เริ่มกลับเข้ามามากขึ้นด้วย ถือเป็นสัญญาณบวกต่อภาคธุรกิจและเศรษฐกิจ ส่วนปัจจัยลบ ยังคงเป็นเรื่องของต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทั้งค่าแรงและอื่นๆ ซึ่งคาดว่าในปีหน้าจะยังคงปรับขึ้นอีก

ขณะที่นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลเปิดรับนักท่องเที่ยวและพ.ร.บ.ฉุกเฉินยกเลิกไปก็น่าจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งตอนนี้โรงแรมในพื้นที่ท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัวกลับมาเร็ว บิ๊กซี ราชดำริเองตอนนี้ทราฟฟิกกลับมา 90% ของก่อนโควิดแล้ว ขณะที่เงินบาทอ่อนอาจทำให้สินค้ามีราคาแพงขึ้นโดยเฉพาะสินค้าที่อิมพอร์ตเข้ามา ส่วนกำลังซื้อในประเทศลดลง

ในส่วนของประเด็นการปรับค่าแรงขั้นต่ำ ยอมรับว่ามีผลกระทบทั้งบริษัทและคู่ค้า ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนสินค้าหลายอย่างปรับตัวสูงขึ้นจนกระเทือนกับสินค้าหลายๆ อย่าง และส่งผลไปต่อในเรื่องของเงินเฟ้อต่อไป แต่หลักๆที่กระทบกับบิ๊กซีมากที่สุดคือค่าไฟฟ้า เพราะแต่ละปีเราจ่ายค่าไฟสูง สามารถสร้างโรงไฟฟ้าได้ ตอนนี้ค่าไฟขึ้นมา 15%โซล่าเซลล์เองก็ไม่ได้ช่วยมากนัก แม้จะปูโซล่าร์เซลล์ทุกตารางนิ้วบนหลังคายังไม่เพียงพอกับไฟที่ใช้ ตอนนี้เราก็พยายามที่จะขับเคลื่อนไปสู่ Net Zero ภายใน 10 - 20 ปีข้างหน้า