75 ปี เซ็นทรัล จากร้านหนังสือ สู่ห้างใหญ่อันดับ 1 ของโลก

06 ก.ย. 2565 | 06:25 น.

กลุ่มเซ็นทรัล สยายปีก 75 ปี ก้าวสู่ห้างสรรพสินค้าที่มีเครือข่ายใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุม 11 ประเทศ 80 เมือง 120 สาขา และห้างแฟลกชิปหรู 16 แห่ง ในหัวเมืองหลักของยุโรปและเอเชีย มียอดขายกว่า 6.7 พันล้านยูโร หรือกว่า 2.6 แสนล้านบาท

นับจากปี 2490 ที่ “ร้านหนังสือ” เล็กๆ แห่งหนึ่งถือกำเนิดขึ้นโดย “เตียง จิราธิวัฒน์”  และ “สัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์”  จากวันนั้นถึงวันนี้ 75 ปีผ่านไป ตระกูลจิราธิวัฒน์สยายปีกสู่ “กลุ่มเซ็นทรัล” พร้อมสร้างอาณาจักรกลายเป็นเครือข่ายห้างสรรพสินค้าในต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุม 11 ประเทศ 80 เมือง 120 สาขา และในปีนี้ตั้งเป้าหมายที่จะมียอดขายกว่า 6.7 พันล้านยูโร หรือ 2.6 แสนล้านบาท

75 ปี เซ็นทรัล  จากร้านหนังสือ สู่ห้างใหญ่อันดับ 1 ของโลก

ทศ จิราธิวัฒน์” ประธานกรรมการบริหารของกลุ่มเซ็นทรัล ในยุคปัจจุบัน กล่าวถึงความสำเร็จในวันนี้ว่า ธุรกิจห้างสรรพสินค้าของกลุ่มเซ็นทรัล มีเครือข่ายห้างสรรพสินค้าในต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก หลังการรวมกลุ่มเซลฟริดเจสเข้าสู่คอลเลคชั่นห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ของกลุ่มเซ็นทรัล ทำให้บริษัทของเรากลายเป็นผู้นำธุรกิจห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ระดับโลกอย่างแท้จริง

 

ด้วยจำนวนของห้างแฟลกชิปหรูในเมืองท่องเที่ยวชั้นนำที่มากที่สุดในโลก พร้อมทั้งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซลักชัวรี่ระดับแนวหน้า นอกจากนี้ เรายังภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์อันโดดเด่นถึง 19 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 1 ศตวรรษ และล้วนตั้งอยู่บนทำเลเด่นใจกลางเมืองสำคัญ ของยุโรป อาทิ ลอนดอน ซูริค โรม โคเปนเฮเกน ดับลิน และ เวียนนา

75 ปี เซ็นทรัล  จากร้านหนังสือ สู่ห้างใหญ่อันดับ 1 ของโลก

ปฏิเสธไม่ได้ว่า “กลุ่มเซ็นทรัล” เป็นผู้ริเริ่มการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครสำหรับลูกค้าตั้งแต่เริ่มกิจการ กลุ่มบริษัทเป็นผู้ก่อตั้งห้างสรรพสินค้าแห่งแรกในประเทศไทย และเป็นผู้สร้างห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่มีชื่อเสียงที่สุดในภูมิภาคหลายแห่ง อีกทั้งยังเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจศูนย์การค้าครบวงจรแห่งแรกของประเทศไทย

 

ก้าวแรกที่กลุ่มเซ็นทรัลได้ริเริ่มดำเนินธุรกิจในยุโรป คือการเข้าซื้อกิจการห้างหรู รีนาเชนเต ในประเทศอิตาลี เมื่อปี 2554 ตามด้วยอิลลุม ในปี 2556 กลุ่มคาเดเว ในปี 2558 โกลบุส ในปี 2563 และในปี 2565 ได้เข้าซื้อกิจการของกลุ่มเซลฟริดเจส

 

“ลักชัวรี่เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญของกลุ่มเซ็นทรัล เริ่มจากการเข้าซื้อกิจการห้างรีนาเชนเต ซึ่งสอดคล้องกับจังหวะที่แบรนด์ลักชัวรี่ของยุโรปกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยกระแสของการท่องเที่ยวทั่วโลก ถึงแม้เศรษฐกิจโลกมีความผันผวนในระยะที่ผ่านมา ตลาดลักชัวรี่ได้แสดงศักยภาพสามารถฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากความต้องการผู้บริโภคที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

 

ในรอบสิบปีที่ผ่านมากลุ่มเซ็นทรัลได้สร้างความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยมกับแบรนด์ลักชัวรี่ยักษ์ใหญ่หลากหลายแบรนด์ ซึ่งได้มีการร่วมลงทุนในโครงการต่างๆ ของบริษัทตลอดมาเพื่อพัฒนาห้างของเราให้เป็นจุดหมายแห่งการช้อปปิ้งที่โดดเด่น ซึ่งเป็นที่ภาคภูมิใจของคนท้องถิ่น และเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวต้องมาเยือน ปัจจุบันห้างในยุโรปของกลุ่มเซ็นทรัลต้อนรับลูกค้ากว่า 130 ล้านคนต่อปี กว่า 200 เชื้อชาติ และมีสมาชิกกว่า 6 ล้านคน ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จในธุรกิจลักชัวรี่ของกลุ่มเรา”

ทศ จิราธิวัฒน์

ทศ  บอกอีกว่า ก้าวต่อไปของกลุ่มเซ็นทรัล คือการมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ลักชัวรี่ใน  2 กลยุทธ์  ได้แก่

1. พัฒนาและขยายห้างสรรพสินค้าที่มีเอกลักษณ์ในเมืองท่องเที่ยวสำคัญด้วยการร่วมมือกับลักชัวรี่แบรนด์การพัฒนาแปลงโฉมห้างสรรพสินค้าเป็นหัวใจหลักของการดำเนินการในยุโรปของกลุ่มเซ็นทรัล ด้วยการร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เช่น LVMH, Kering และ Richemont เพื่อยกระดับและเพิ่มความหลากหลายของสินค้า เน้นการตกแต่งคุณภาพสูงของห้างและร้านค้า เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้กับลูกค้า

 

โดยแต่ละห้างได้ถูกออกแบบให้แสดงถึงเอกลักษณ์ของแต่ละเมือง เพื่อให้คนในท้องถิ่น และนักท่องเที่ยวได้ชื่นชม นอกจากนี้ แต่ละห้างยังมีสินค้าอาหารระดับพรีเมี่ยม และมีร้านอาหารหลากหลายไว้บริการ ซึ่งผู้มาเยือนสามารถสัมผัสความพิเศษเหล่านี้ในโฉมใหม่ของ ห้างคาเดเว ในเบอร์ลิน ห้างรีนาเชนเตในมิลานและโรม และห้างโกลบุส ในซูริก ที่ได้ถูกปรับปรุงและพัฒนาไปเมื่อไม่นานมานี้

75 ปี เซ็นทรัล  จากร้านหนังสือ สู่ห้างใหญ่อันดับ 1 ของโลก

ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินโครงการปรับปรุงและพัฒนาห้างสรรพสินค้าหลายแห่งในหลายประเทศ รวมถึงการสร้างโครงการใหม่ อีก 3 แห่ง  นอกจากนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนศึกษาโอกาสเพื่อพัฒนาเพิ่มมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ทำเลทอง ใจกลางเมืองลอนดอน ที่เซลฟริดเจสแฟลกชิป บนถนนออกซ์ฟอร์ด อีกด้วย (ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพัฒนาห้างและโครงการใหม่ สามารถอ่านได้ในส่วน เกี่ยวกับบริษัท ตอนท้าย)

 

2. ขึ้นแท่นผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และเป็นพันธมิตรคู่ค้าที่มีเครือข่ายทั่วโลกให้กับแบรนด์ลักชัวรี่และแบรนด์แฟชั่นชั้นนำ

 

ปัจจุบันแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของกลุ่มเซ็นทรัลในยุโรปมียอดจำนวนผู้มาเยือนกว่า 30 ล้านคนต่อเดือน มีการจัดส่งสินค้าไปยังกว่า 130 ประเทศทั่วโลก และสร้างยอดขายได้ถึง 1 พันล้านยูโร (3.8 หมื่นล้านบาท) ต่อปี คิดเป็น 17% ของยอดขายทั้งหมด ซึ่งยอดขายออนไลน์ในต่างประเทศของ Selfridges.com มีสัดส่วนสูงถึง 40% สะท้อนถึงการมีแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซระดับโลกที่แข็งแกร่ง เทียบได้กับคู่แข่งที่ทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซโดยเฉพาะ

75 ปี เซ็นทรัล  จากร้านหนังสือ สู่ห้างใหญ่อันดับ 1 ของโลก

กลุ่มเซ็นทรัลได้วางยุทธศาสตร์ให้ Selfridges.com เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ลักชัวรี่ระดับโลกที่สมบูรณ์แบบที่สุด โดยเน้นใช้จุดแข็ง ดังนี้

1. แบรนด์เซลฟริดเจส ซึ่งมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักดีทั่วโลก              

2. แบรนด์และสินค้า พร้อมคอลเลคชั่นพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟ จากทุกห้างสรรพสินค้าชั้นนำในเครือ                  

3. เทคโนโลยีล้ำสมัย และฐานข้อมูลลูกค้า ที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์  และมอบบริการให้ลูกค้าได้แบบเฉพาะบุคคล

4. เครือข่ายห้างสรรพสินค้าใน 11 ประเทศ เพื่อประชาสัมพันธ์และเข้าถึงลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงให้บริการแบบออมนิแชแนล ที่แตกต่างและเหนือกว่าคู่แข่งอีคอมเมิร์ซทั่วไป  โดยเฉพาะในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นฐานการดำเนินธุรกิจหลักของกลุ่มเซ็นทรัล ลูกค้าของกลุ่มเซ็นทรัลในประเทศไทยจะสามารถเลือกซื้อสินค้าจากแบรนด์ลักชัวรี่และคอลเล็คชั่นที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นผ่านช่องทางนี้

75 ปี เซ็นทรัล  จากร้านหนังสือ สู่ห้างใหญ่อันดับ 1 ของโลก

สำหรับสมาชิก The 1 ซึ่งปัจจุบันสามารถสะสมแต้ม และได้รับข้อเสนอพิเศษต่างๆ เมื่อช้อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต อิลลุม และคาเดเว ยังจะสามารถรับสิทธิประโยชน์ในรูปแบบเดียวกันที่ห้างสรรพสินค้าเซลฟริดเจส และห้างสรรพสินค้าอื่นๆ ในยุโรปภายใต้กลุ่มเซ็นทรัลได้เร็วๆ นี้ โดยกลุ่มเซ็นทรัล ยังคงเดินหน้ารังสรรค์สิทธิพิเศษ และประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ เพื่อเตรียมมอบให้กับสมาชิก The 1  Exclusive ที่ไปช้อปปิ้งในยุโรปอีกด้วย

 

“บนเส้นทางกว่า 75 ปีที่ผ่านมา ความสำเร็จของกลุ่มเซ็นทรัล มีพื้นฐานมาจากความมุ่งมั่นในการเลือกสรร และนำเสนอประสบการณ์ บริการ และสินค้า ทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทุกคน โดยเราได้มีโอกาสในการสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งกับแบรนด์ชั้นนำที่มีชื่อเสียงระดับโลก และยังมีทีมงานที่มีความสามารถโดดเด่นอยู่ทั่วโลก ซึ่งช่วยผลักดันให้ห้างสรรพสินค้าของเราเป็นจุดศูนย์กลางแห่งการใช้ชีวิต หรือ “Central of Life” 

75 ปี เซ็นทรัล  จากร้านหนังสือ สู่ห้างใหญ่อันดับ 1 ของโลก

เรายังมีเป้าหมายในการนำพาชุมชนในทุกเมืองที่เราเข้าไปทำธุรกิจให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน โดยการพัฒนาและยกระดับพื้นที่โดยรอบของห้างสรรพสินค้า การสร้างงานและอาชีพ การรักษาไว้ซึ่งมรดกทางประวัติศาสตร์ของแต่ละอาคาร รวมทั้งการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยมีเซลฟริดเจส เป็นผู้นำที่ได้ริเริ่มหลากหลายโครงการด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ กลุ่มเซ็นทรัลรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นตัวแทนของประเทศไทยในเวทีระดับโลก และขอเชิญชวนลูกค้าเซ็นทรัลทุกคนมาร่วมเดินทางสู่การเติบโตก้าวต่อไปพร้อมๆกัน”

 

ย้อนรอยความสำเร็จ  

นับจากปี 2490  กลุ่มเซ็นทรัลได้ถูก ก่อตั้งในปี 2490 และบริหารโดยตระกูลจิราธิวัฒน์มากว่า 4 เจเนอเรชั่น โดยเป็นผู้นำด้านธุรกิจค้าปลีกระดับโลก นำเสนอสินค้าหลากหลายประเภท ผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ รวมทั้งดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจร้านอาหาร ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และยุโรป

 

โดยกลุ่มเซ็นทรัล มีพนักงานกว่า 80,000 คน ให้บริการลูกค้าสมาชิก 30 ล้านราย และต้อนรับผู้ใช้งานผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์กว่า 40 ล้านคนต่อเดือน กลุ่มเซ็นทรัลดำเนินงานในกว่า  3,700 สาขา บนพื้นที่กว่า 7 ล้านตารางเมตร ใน 18 ประเทศ 142 เมือง

75 ปี เซ็นทรัล  จากร้านหนังสือ สู่ห้างใหญ่อันดับ 1 ของโลก

กลุ่มเซ็นทรัล ได้ขยายธุรกิจในภูมิภาคยุโรป และตลาดลักชัวรี่รีเทล โดยเริ่มต้นจาก

ปี 2554 การเข้าซื้อกิจการห้างรีนาเชนเต ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 9 สาขาทั่วประเทศอิตาลี

ปี 2556 การเข้าซื้อกิจการห้างอิลลุม ประเทศเดนมาร์ก

ปี 2558 กลุ่มเซ็นทรัล ร่วมทุนกับซิกน่า ในการเข้าซื้อกิจการกลุ่มคาเดเว ที่มีห้างสรรพสินค้า 3 แบรนด์ ได้แก่ คาเดเว โอเบอร์โพลลิงเกอร์ และอัลสเตอร์เฮาส์ ประเทศเยอรมนี

ปี 2563 ร่วมกับซิกน่า เข้าซื้อกิจการห้างโกลบุส ที่มี 10 สาขา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ปี 2565 ได้ร่วมกันซื้อกิจการกลุ่มเซลฟริดเจส ที่เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้า 18 แห่ง ได้แก่ เซลฟริดเจส ในอังกฤษ ห้างสรรพสินค้าดีแบนคอร์ฟ ในเนเธอร์แลนด์ และห้างสรรพสินค้า บราวน์ โธมัส และอาร์นอตส์ ในไอร์แลนด์ ด้วยการเข้าซื้อกิจการ รวมทั้งการพัฒนาและปรับปรุงห้างสรรพสินค้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตลาดลักชัวรี่ และยุโรป กลายเป็นโฟกัสสำคัญของกลุ่มเซ็นทรัล โดยมีทีมบริหารระดับสูงทำงานอยู่ทั่วยุโรป

75 ปี เซ็นทรัล  จากร้านหนังสือ สู่ห้างใหญ่อันดับ 1 ของโลก

โครงการปรับปรุงและพัฒนาห้างสรรพสินค้าของกลุ่มเซ็นทรัลในยุโรป

กลุ่มเซ็นทรัลมีโครงการการปรับปรุงและพัฒนาห้างสรรพสินค้าอย่างต่อเนื่อง อาทิ

1. ห้างคาเดเว เบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี - โซนลักชัวรี่และเครื่องประดับในชั้น Ground ได้ถูกปรับปรุงอย่างเสร็จสิ้นแล้วในปีนี้ หลังจากเปิดโถงบันไดเลื่อนที่ลงทุนสร้างใหม่หมดในเดือนตุลาคม 2564 โดยห้างคาเดเวเป็นห้างที่มีลักชัวรี่แบรนด์ที่ครบครันที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งแต่ละแบรนด์ล้วนลงทุนสร้างร้านค้าด้วยคอนเซ็ปต์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ

2. ห้างโกลบุส ซูริก และเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ - ตั้งแต่ปี 2564 ร้านแฟลกชิปที่ซูริกได้เริ่มการปรับโฉมให้กลายเป็นห้างหรู และได้มีการนำแบรนด์ลักชัวรี่ดัง และคอนเซ็ปต์ใหม่ของสินค้าตกแต่งบ้าน และอาหาร มานำเสนอเป็นครั้งแรก และการปรับปรุงในรูปแบบนี้จะต่อเนื่องไปที่ชั้นอื่นๆ โดยโกลบุสที่เจนีวา จะเข้าสู่โปรแกรมการพัฒนาเช่นเดียวกันในเริ่มตั้งแต่ปี 2566

3. ห้างรีนาเชนเต มิลาน ดูโอโม่ ประเทศอิตาลี – ปรับปรุงพื้นที่ชั้นผู้ชาย ชั้นสอง ให้กลายเป็นชั้นสินค้าผู้ชายอย่างครบวงจร ซึ่งมีทั้งเสื้อผ้าและรองเท้า โดยจะปรับปรุงให้มีความร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น

4. รีนาเชนเต โรม ฟิอูเม่ ประเทศอิตาลี - ปรับปรุงโฉมใหม่ด้านหน้าของตัวห้าง ซึ่งคาดว่าแล้วเสร็จในปี 2566 โดยได้เก็บรักษาสถาปัตยกรรมดั้งเดิมซึ่งถูกออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาลีชื่อดัง Franco Albini

75 ปี เซ็นทรัล  จากร้านหนังสือ สู่ห้างใหญ่อันดับ 1 ของโลก

โครงการใหม่ที่กำลังถูกพัฒนา และที่อยู่ระหว่างการศึกษาในขณะนี้ อาทิ

5. คาร์ช เฮาส์ (Carsch-Haus) ดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี - ดำเนินการปรับปรุงตึกคาร์ช เฮาส์ ให้เป็นห้างหรูใจกลางเมืองดุสเซลดอร์ฟ จุดเด่นของโครงการนี้ประกอบไปด้วยการขุดจัตุรัสเมืองบริเวณข้างหน้าห้าง เพื่อพัฒนาเป็นพื้นที่รีเทลชั้นใต้ดินที่โดดเด่น ซึ่งจะมีร้านค้าแบรนด์ดังหลากหลายเข้าร่วม และบนระเบียงชั้นสูงจะมีร้านอาหารขนาดใหญ่ให้บริการ ซึ่งคาดว่าโครงการนี้จะเปิดตัวภายในปี 2566

6. เมืองเวียนนา ประเทศออสเตรีย - ห้างหรูแห่งแรกของเมืองเวียนนา บวกกับ โรงแรม ทอมป์สัน และพื้นที่สีเขียวสวยงามบนหลังคาตึก ซึ่งโครงการนี้ถูกออกแบบโดย O.M.A ซึ่งจะแล้วเสร็จในปี 2567

7. โกลบุส บาเซิล ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ - เป็นการพัฒนาตึกที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ตั้งอยู่ที่มาร์กแพลตซ์ (Markplatz) ณ ศูนย์กลางของเมืองบาเซิล ให้กลายเป็นห้างหรูที่คงไว้ซึ่งความสวยงามที่เป็นมรดกดั้งเดิม โดยคาดว่าจะเปิดตัวในปี 2568

8. เซลฟริดเจส ลอนดอน - ในบริเวณของห้างแฟลกชิปประกอบไปด้วยโรงแรม อาคารจอดรถ และถนนเส้นเล็ก ซึ่งอยู่ระหว่างการประเมินเพื่อเปิดโรงแรมหรือทำธุรกิจอื่นๆ รวมทั้ง พื้นที่กลางแจ้งสำหรับกิจกรรมต่างๆ