ความดันทุรังของคนชรา

24 มิ.ย. 2565 | 23:00 น.

คอลัมน์ ชีวิตบั้นปลายของชายชรา โดย กริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

หลายวันก่อนผมได้คุยกับเพื่อนท่านหนึ่ง เขาเล่าว่าคุณแม่ของเขา มีความดื้อรั้น และดันทุรังมากๆ เวลาจะทำอะไรมักจะต้องทำให้ได้ ลูกๆห้ามเท่าไหร่ก็จะไม่ยอมฟัง มักจะดุลูกๆ เสมอว่า “อย่ามาสอนแม่ แม่รู้แล้ว แม่แก่แล้ว” เป็นต้น 


นี่เป็นข้ออ้างของคุณแม่เสมอ ซึ่งเขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ผมก็บอกไปว่า ปล่อยท่านเถอะ... ท่านอายุมากแล้ว อยากจะทำอะไรก็ให้ท่านทำไปเถอะ ถ้าไม่เสียเงินเสียทองมากจนเกินไป ก็ควรจะต้องปล่อยๆท่านบ้าง 

เขาก็พูดต่อไปว่า คงไม่สามารถปล่อยได้ เพราะคุณแม่เขามีสารพัดโรคอยู่ในตัว ทั้งเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และยังมีโรคหัวใจด้วย หากปล่อยตามใจคุณแม่ ท่านคงหาอะไรทานได้ดังใจท่าน แน่นอนว่าโรคร้ายเหล่านี้ ก็จะมาทำให้ท่านจากไปอย่างแน่นอน 


แต่ถ้าจะจากไป ก็ไม่อยากให้ท่านต้องทนทรมานกับโรคร้าย ที่อาจจะทำให้ท่านต้องกลายเป็นเจ้าหญิงบนเตียงนอนก่อนจาก เพราะจะลำบากทั้งลูกทั้งหลาน ต้องมาคอยดูแลนั่นเองครับ

ผมจึงได้เล่าถึงโรคร้ายต่างๆ ที่อาจจะทำให้เกิดอาการเป็นผู้ป่วยติดเตียง ที่ชาวญี่ปุ่นเกรงกลัวกันมาก มีอยู่สองโรคสำคัญๆ เช่น โรคหลอดเลือด กับโรคสมองเสื่อมให้เขาฟังไปบ้างแล้ว แต่สิ่งที่น่าหนักใจสำหรับเขา คือโรคความดันโลหิตสูง ที่เขาบอกว่าคุณแม่เขาน่าจะอยู่ในขั้นที่อันตรายพอสมควร 


ผมจึงแนะนำให้ไปพบแพทย์น่าจะปลอดภัยที่สุด เพราะแพทย์เขามีวิวัฒนาการณ์ทางการแพทย์ใหม่ๆมากมาย เขาน่าจะให้คำแนะนำได้ดีกว่าปล่อยให้ลูกๆ มาควบคุมคุณแม่เอง เพราะปัจุบันนี้โรคความดันโลหิตสูง มีทั้งยารักษาและยาควบคุมอาการเยอะมาก อย่าได้ทดลองไปซื้อมาทานเอง หรือเชื่อหมอตี๋เป็นอันขาด น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดครับ 
         

อันที่จริงตัวผมเองก็มีอาการของความดันโลหิตสูงอยู่นิดๆ แต่ก็ไม่น่ากังวลใจอะไรมากนัก เพราะผมเองก็ได้ปรึกษาคุณหมออยู่เป็นประจำ รวมทั้งทุกปีจะเข้าไปตรวจสุขภาพขนานใหญ่หนึ่งครั้งสม่ำเสมอ ทำให้ยังสามารถควบคุมอยู่ได้ไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่ 


แต่ของคุณแม่เพื่อนท่านนี้ ท่านบอกว่าความจริงความดันโลหิตสูง ยังไม่น่ากลัวเท่าความดันทุรังของคุณแม่ท่าน ที่สูงมากกว่าความดันโลหิตนี่สิน่ากลัว ซึ่งท่านบอกว่าห้ามไม่ค่อยได้ จนตอนนี้ไม่รู้ว่าใครเป็นแม่ใครเป็นลูกกันแล้วครับ
         

เมื่อเราแก่ตัวขึ้น ความกดดันต่างๆ ก็มีมากขึ้น  ไม่ว่าจะเป็นความกดดันจากสภาวะเศรษฐกิจการงาน สภาวะสังคมและครอบครัว ทำให้เกิดความเครียดตามมา ซึ่งก็จะทำให้เป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง อีกอย่างหนึ่งที่จะเป็นสาเหตุ โดยเฉพาะผู้ชายบางคนที่เป็นผู้สูงอายุ ก็มักจะหันไปพึ่งสุรา หรือไม่ก็บุหรี่ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งต้นตอของโรคความดันโลหิตสูง 


บางคนพอเครียดแล้วก็จะเร่งทานอาหารเยอะๆ ทำให้เกิดอาการโรคอ้วนตามมา เมื่อคนเราพออ้วนได้ที่ ก็แน่นอนว่าโรคความดันโลหิตสูงกับโรคความอ้วน มักจะเป็นของคู่กันราวกับขนมจีนกับน้ำยาเลยครับ ดังนั้นถ้าเรารู้ตัวว่าอายุมาก ก็จงหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้จะเป็นการดีที่สุดเลยครับ
           

ผมเองก็อย่างที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ว่ามีอาการความดันโลหิตสูงขั้นเบาๆ ไม่รุนแรงมากนัก ก็พยายามใช้เครื่องวัดความดันที่ซื้อมาจากประเทศจีน ที่ใช้นานมาแล้ว วัดดูเองที่บ้าน ใช้จนเครื่องแทบจะพัง ต่อมาน้องรักคือนายแพทย์เกษม ใช้คล่องกิจ อาจารย์แพทย์ที่มหาวิทยาลัยบูรพา อุตส่าห์หามาให้ใหม่อีกเครื่อง 


ทุกวันนี้เลยได้ใช้วัดดูความดันของตัวเองที่บ้านทุกเช้า พอรู้สึกตัวว่าความดันโลหิตเริ่มจะสูงบ้างแล้ว ก็ทานยาเบาๆ ไปสักเม็ดสองเม็ด พอความดันลดผมก็งดยา ซึ่งก็อาจจะไม่ถูกต้อง แต่ก็ยังไม่ได้ไปปรึกษาคุณหมอ คราวนี้คงจะถูกคุณหมอดุแน่ๆ ครับ 


เพราะหลังจากโควิดระบาด ผมก็ยังไม่ได้ไปหาท่านเลย ปล่อยไว้นานพอสมควรแล้ว แต่ถ้าผมยังฝืนทานยาอย่างต่อเนื่อง ก็จะรู้สึกมึนศีรษะมาก ผมจึงพยายามใช้วิธีควบคุมอาหาร หรือทานอาหารให้เป็นเวลา ในปริมาณที่ไม่มากเกินไป และจะไม่ยอมอดอาหารโดยเด็ดขาด 


เพราะรู้ตัวว่าแก่แล้ว หากอดอาหารบ่อยๆ อาจจะเกิดเป็นโรคกระเพาะตามมาอีก ก็อาจจะลำบากได้เช่นกันครับ คิดว่าผมคงต้องหาเวลาไปพบแพทย์อีกครั้งแล้วละครับ
            

ผมเคยได้ยินมาจากเพื่อนบางคน ที่บอกว่าคนที่มีความดันโลหิตสูง ต้องมีการระมัดระวังการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเจออากาศร้อนๆ จากนอกบ้าน พอกลับถึงบ้านก็รีบอาบน้ำเย็นๆ 


หรือบางคนที่อาศัยอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศหนาวๆ แล้วรีบกระโดดลงอ่างน้ำร้อนๆอย่างกะทันหัน การปรับตัวในอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว ทำให้เส้นเลือดในสมองแตกอย่างกะทันหัน เกิดอาการหน้ามืด ล้มในห้องน้ำดับชีพไปก็มีให้ได้ยินได้ฟังมาเช่นกันครับ
         

สิ่งสำคัญที่สุด เมื่อเราแก่ตัวลง ก็อย่าได้มีอาการดันทุรังก็แล้วกัน คนแก่อย่างเรา ก็ควรจะต้องฟังคุณหมอหรือผู้รู้บ้าง หรือแม้แต่ลูกหลานที่พูดบ้างบ่นบ้าง เพราะเขาอาจจะมีความรู้ดีกว่าเราก็ได้ เราก็ควรจะรับฟังบ้างก็จะดีนะครับ