Commonsense is not Common ฉากที่ 6

26 ส.ค. 2565 | 23:30 น.

Commonsense is not Common ฉากที่ 6 : คอลัมน์เปิดมุกปลุกหมอง โดย...ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3813

คนที่แตกฉานหลายวิชาจะมีความคิดกว้างไกลคล้ายนกที่บินสูง?


คนที่แต่งเรื่อง ยอดคนสมองเพชร จัดว่าเป็น “สรรพกูรู” (All Subjects Guru) ดูจากมุกแก้ปัญหาการต่อสู้กับคนร้ายด้วยชั้นเชิงที่นึกไม่ถึง พระเอกโดนล้อมอยู่บนเนินเขา มี ปืนกล็อก 23 บรรจุกระสุนเต็มที่ 13 นัด เพียงกระบอกเดียว อาศัยว่าอยู่บนที่สูงจึงเห็นแต่ไกลว่า ผู้ร้ายมากัน 5 คน พระเอกก็รีบก่อกองไฟไว้ตรงทางขี้นแล้วแว้บไปเอา ลูกสน! มาโยนใส่กองไฟ เสียงปะทุดัง ปัง ปุริเย่ ปัง ปุริเย่ ใกล้เคียงกับเสียงปืน (ฮา) คนร้ายรุมกันยิงส่งเดช กว่าจะรู้ว่าเสียรู้ก็เปลืองกระสุนไปอื้อ มุกนี้ทำให้พระเอกเบาแรงไปเยอะ


คนที่แตกฉานมิติเดียวจะมีความเห็นอยู่ในวงแคบเป็นธรรมดา?


การนั่งสมาธิแต่เดิมมักจะกำหนดอุบายในการติดตามลมหายใจเข้าออกด้วยการใช้ พุท-เข้า โธ-ออก เป็นถ้อยคำยอดนิยม ใครไม่ถูกโฉลกกับ พุทโธ ก็ลังเลว่าเอาไงดี ฝรั่งคนหนึ่งมาอยู่ไทยนานวันพูดไทยรู้เรื่อง

สนใจการนั่งสมาธิแต่ไม่ถูกจริตกับถ้อยคำประคองจิต พุทโธๆ หลวงพ่อถามว่า “โยมชอบกินอะไรมากที่สุด” ฝรั่งก็บอกหลวงพ่อว่า “ผมชอบเป๊ปซี่!” หลวงพ่อจึงชี้แนะว่า “โอ.เค. เปลี่ยนคำภาวนาเลย เข้า-เป๊ป ออก-ซี่ โยมใช้เป๊ปซี่ แทน พุทโธ!” (ฮา) มีบางคนแอบคอมเมนท์ว่า “พิลึก!” ผมก็แอบเหล่ว่า เขากำลังกล่าวหาหลวงพ่อว่าคิดอะไรแผลงๆ ไม่เข้าเรื่อง ใช่หรือเปล่า ถ้าใช่ก็แสดงว่าเป็นนักปฏิบัติสายล็อคสเปคเสกสคริปท์


ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ หลวงพ่อก็แปลกใจว่า ทำไมฝรั่งเขาถึงได้นั่งยิ้มแป้น หลวงพ่อจึงเดินเข้าไปถามว่า “วันนี้โยมอารมณ์ดี มีข่าวอะไรเล่าให้ฟังกันบ้างสิ!” ฝรั่งหัวเราะแล้วเล่าให้หลวงพ่อฟังว่า “ผมนั่ง เข้า-เป๊ป ออก-ซี่ ไปเรื่อยๆ จู่ๆ ภาพขวดเป๊ปซี่ก็ลอยโผล่ขึ้นมาเต็มหน้า ผมสะดุ้งตกใจ มันก็หายไปเลย!” (ฮา)

สมาชิกเว็บไซต์ Dek-D ตั้งกระทู้ว่า “การยึดติดสามัญสำนึกมากไป มันทำให้คนโง่ลงได้” สมาชิกอีกท่านส่งข้อคิดเข้ามาเสริมว่า  “สามัญสำนึกไม่ทำให้คนโง่หรอก แต่อาจจะทำให้คนไร้จินตนาการ” ก่อนจะ “สตาร์ทอัพ” กระทู้แรก ขอ “สตาร์ทงับ” กระทู้สองก่อน (อะฮู้ววววว…)


 แบบว่า “จินตนาการ” คือ การสร้างภาพขึ้นในจิตใจ ก่อนจะโยน “สามัญสำนึก” ลงถัง คิดดูสักนิดว่า Common Sense ผุดจาก ปัญญาเชิงประสบการณ์สานภาพรวมทำให้เรา “แลเห็น” คือ เจอความจริง “เล็งเห็น” คือ นึกถึงเบื้องหลังความเป็นมาแล้วนึกเห็นภาพล่วงหน้าว่าอาจจะเป็นงั้นคงไม่เป็นยังงี้ “คิดเห็น” คือ เตรียมจัดการรับมือให้สมดุล ไม่น่าจะมีใครหุบจิตปิดใจปฏิเสธว่า “เล็งเห็น” กับ “คิดเห็น” มี “มโนดราม่า” ถลาร่วมวงจินตนาการ ฝันติ๊งต่างว่าจะทำอย่างนั้น เคลิ้มกลางวันว่าจะเป็นอย่างนี้  ใช่ป่ะ!

                                   Commonsense is not Common ฉากที่ 6
มีฎีกาคดีบ้ากามอยู่รายหนึ่ง ฝนตกพรำๆ อิสตรีผู้หนึ่งปั่นจักรยานอยู่ข้างหน้า ไอ้หนุ่มปากเฉาฉุ่ยตั้งใจปั่นจักรยานตามหลัง พร้อมกับตะโกนบอกเธอเป็นระยะๆ ว่า “น้อง…นมเปียก! น้อง…นมเปียก!” (ฮา) 


ไอ้หมอนี้จัดว่าสายตามีแวว มีแววจะติดคุก เธอเคืองอยู่ในใจแต่เก็บอาการไว้ ปั่นเลี้ยวซ้ายมันก็ตาม ปั่นตรงไปมันก็ตาม เธอจอดรถมันก็จอด ไม่มองซ้ายแลขวาว่า จุดที่แวะจอดเป็นสถานีตำรวจ (ฮา) กว่าจะเงยหน้าแลเห็นป้ายโรงพักก็ชิ่งไม่ทัน เธอแจ้งความให้จับมาดำเนินคดีข้อหา ดูหมิ่นซึ่งหน้า 


ศาลท่านเห็นพ้องในข้อกล่าวหาจึงพิพากษาทั้งจำทั้งปรับ เนื่องจากการพูดทะลึ่งที่ละลาบละล้วงส่อไปในทางเพศ ทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดได้ว่า สองคนนี้คงจะเคยมีความสัมพันธ์ขั้นชู้สาวมากกว่าจะเป็นแค่เพื่อนสนิท คำพูดดังกล่าวทำให้ชื่อเสียงเสียหาย! สรุปว่า ไอ้หนุ่มรายนี้ ไม่มี สามัญสำนึก มีแต่ “จินตนาการม่านรูด” ล้วนๆ (ฮา)

 

น่าทึ่งหลักธรรมในคัมภีร์ตะวันตกก็มีคำสอนอันแกล้วกล้าบอกกันตรงไปตรงมาว่า “ความโง่เป็นความชื่นบานแก่บุคคลผู้ไม่มีสามัญสำนึก!”


หวนกลับมาดูกระทู้หลักที่ปักธงนำทางว่า “การยึดติดสามัญสำนึกมากไป มันทำให้คนโง่ลงได้” สะกิดใจให้นึกถึงถ้อยคำที่ว่า “คนซื่อก็จะเป็นคนโง่” ผมแย้งเลยว่า อย่าคิดสบายๆแบบปรนัย ควรคิดถี่ถ้วนแบบอัตนัย การรีบสรุปว่า “ซื่อ เท่ากับ โง่ คือ สามัญสำนึก!” เป็นสมการของคนที่กินกัญชาเกินห้าใบ (ฮา)


เคยได้คุยกับ “หนอนการเมือง” ลูกหลาน “หนอนหนังสือ” ท่านเล่าให้ฟังว่า “ท่าน ชวน หลีกภัย ได้ชื่อว่าเป็น นักการเมืองคนซื่อ ไม่มีวี่แววใดๆ ว่า โง่! โผล่มาให้เห็นแม้แต่จุดเดียว การปฏิวัติเมื่อปี 2519 ท่านชวนกำลังกวาดพื้นอยู่ในสำนักงานพรรค ตำรวจหนุ่มสองสามนายไม่รู้จัก ท่านชวน ก็เดินเข้าไปถามว่า ท่านชวน อยู่ไหม

 

ท่านชวน รู้เลยว่าอะไรคืออะไร ท่านก็บอกว่า เมื่อสักครู่ท่านอยู่ในห้องทำงาน ตำรวจก็รีบสาวเท้าเดินเข้าไปดู ท่านชวน วางไม้กวาดแล้วรีบเผ่นฉับพลัน งานอาสาที่กวาดค้างไว้ ปีไหนฟ้าเปิดค่อยกลับมากวาดต่อ” (ฮา)


ทักษะการเผชิญความเสี่ยง สามัญสำนึก ฉุกใจไวกว่า AI หลายเท่า ต่อให้ AI คิดไวก็ยากที่จะหนีทัน (ฮา)


Sense คือ ความรู้สึกต่อทุกสิ่งทุกอย่างด้วยหลักธรรมชาติ ธรรมชาติ เขาเป็นปกติอย่างที่เขาเป็น ผมเคยบ่นด้วยความหงุดหงิดว่า “ฝนมันจะตกอะไรกันนักกันหนาเนี่ย” ผู้เฒ่าท่านหนึ่งยิ้มแล้วพูดกับผมว่า “ฝนเขาตกมานานนับปีไม่ถ้วน เขาตกก่อนที่เราจะมาเกิดอีกนะ อาจารย์!” (ฮา)