ความต้องการชิป AI ปั๊มผลกำไรของ TSMC สูงกว่าคาดในไตรมาสแรก

เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง คอมพานี (TSMC) บริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของไต้หวัน ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2567 ที่โดดเด่น โดยสามารถสร้างรายได้และกำไรเกินความคาดหมายของนักวิเคราะห์ ซึ่งมีปัจจัยหลักมาจากความต้องการชิปขั้นสูง โดยเฉพาะชิปที่ใช้ในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ทวีความแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ผลประกอบการโดดเด่น

รายได้สุทธิในไตรมาส 1/2567 เพิ่มขึ้น 16.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะ 5.9264 แสนล้านดอลลาร์ไต้หวัน (1.887 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เกินกว่าประมาณการของนักวิเคราะห์

กำไรสุทธิในไตรมาส 1/2567 เพิ่มขึ้น 8.9% จากปีก่อน แตะ 2.2549 แสนล้านดอลลาร์ไต้หวัน เกินกว่าคาดการณ์

ปัจจัยขับเคลื่อน

ความต้องการชิปขั้นสูง โดยเฉพาะชิปสำหรับใช้ในเทคโนโลยี AI มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ซึ่ง TSMC เป็นผู้ผลิตหน่วยประมวลผลชิปขั้นสูงรายใหญ่ที่สุดของโลก ผลิตชิปให้กับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น แอปเปิ้ล อิงค์ และอินวิเดีย คอร์ป

ปัจจุบัน TSMC ผลิตชิป 3 นาโนเมตร และวางแผนที่จะเริ่มการผลิตชิป 2 นาโนเมตรจำนวนมากในปี 2568 โดยทั่วไป ขนาดนาโนเมตรที่เล็กลงจะทำให้ชิปมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ความต้องการชิป AI ที่แข็งแกร่ง นำโดยโมเดลภาษาขนาดใหญ่ เช่น ChatGPT ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้หุ้นของ TSMC เพิ่มขึ้น 56% ในหนึ่งปีที่ผ่านมา

แนวโน้มและความท้าทาย

TSMC ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลก คาดการณ์ผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาสที่ 2  โดยคาดว่ารายรับจะอยู่ในช่วง 19.6 พันล้านดอลลาร์ถึง 20.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการชิปขั้นสูงที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะชิปที่ใช้ในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งจะเป็นแรงหนุนหลักให้ TSMC ในระยะสั้นและระยะยาว

การพัฒนาเทคโนโลยีชิปรุ่นใหม่เป็นความท้าทายสำคัญที่ TSMC จะต้องรับมือ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม

ตามข้อมูลจาก Counterpoint Research TSMC ครองส่วนแบ่งรายได้ของโรงหล่อเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก ในไตรมาสที่ 4 ที่ 61% โดย Samsung มาเป็นอันดับสองที่ 14% ของตลาด

"TSMC มีอัตรากำไรสุทธิต่อยอดขายที่ 40% ซึ่งถือเป็นหนึ่งในระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 14% สะท้อนถึงตำแหน่งการแข่งขันที่แข็งแกร่งของ TSMC อัตรากำไรที่สูงนี้เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายชิป 7นาโนเมตรและขนาดเล็กกว่าซึ่งมีอัตรากำไรที่สูงมาก" Grzegorz Drozdz นักวิเคราะห์ตลาดจาก Conotoxia กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

เมื่อปีที่แล้ว TSMC ได้รับผลกระทบจากแรงกดดันทางเศรษฐกิจและการปรับสต็อกของผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและซีพี กักตุนชิปไว้ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้เกิดสต็อกส่วนเกินเมื่อความต้องการในยุคโควิดลดลง

ขณะที่เมื่อต้นเดือนนี้ ไต้หวันถูกกระทบจากแผ่นดินไหว ซึ่งเป็นแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดในรอบ 25 ปี โฆษกของ TSMC กล่าวว่า หลังจากการตรวจสอบเบื้องต้น ไม่มีการขาดแคลนพลังงาน ไม่มีความเสียหายเชิงโครงสร้างต่อโรงงาน และไม่มีความเสียหายต่อเครื่องมือที่สำคัญ รวมถึงเครื่องพิมพ์หินด้วยรังสีอัลตราไวโอเลตขั้นรุนแรง (EUV) ทั้งหมด แม้ว่าจะมีการอพยพพนักงานจากบางโรงงานชั่วคราว แต่ต่อมาพนักงานก็กลับเข้าที่ทำงานแล้ว

ที่มา 

TSMC Reports First Quarter

cnbc