บริษัทเซ็นทรัลพัฒนาจำกัด (มหาชน) หรือCPN ยักษ์อสังหาริมทรัพย์ ผู้นำการพัฒนาศูนย์การค้า โรงแรม ที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน มิกซ์ยูสขนาดใหญ่ครบวงจร ที่ผ่านมาได้ประกาศประกาศแผนลงทุน “Retail-Led Mixed-Use Development” ต่อยอดธุรกิจ 5 ปี (ปี 2565-2569) มูลค่า 120,000 ล้านบาท ที่มีนางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็นแม่ทัพใหญ่ ปัจจุบัน เดินหน้าตามแผน กระจายความเจริญ ให้กับพื้นที่ ในหลายจังหวัดทั้งกรุงเทพมหานคร และจังหวัดภูมิภาคหัวเมืองใหญ่กว่า 30 จังหวัด
โดยได้ตอกยํ้าความแข็งแกร่งในการพัฒนาธุรกิจหลัก ได้แก่ ศูนย์การค้า 50 โครงการทั้งในและต่างประเทศและคอมมูนิตี้ มอลล์ 17 แห่ง, ที่อยู่อาศัยรวมกว่า 70 โครงการ, อาคารสำนักงานรวม 13 โครงการ, และโรงแรมรวม 37 โครงการ พร้อมทั้งขับเคลื่อนสู่อนาคตภายใต้เจตจำนงค์ของแบรนด์ Imagining better futures for all ด้วยการสร้างและพัฒนาพื้นที่ที่มีคุณภาพเพื่อดูแลคนและชุมชน รวมถึงสิ่งแวดล้อมให้เติบโตควบคู่ไปกับการเดินหน้าทางเศรษฐกิจ รวมถึงขับเคลื่อนประเทศไทย
หัวใจสำคัญที่ดินขุมทรัพย์ขนาดใหญ่ สร้างมูลค่านับแสนล้านบาท ให้กับเซ็นทรัลพัฒนา ไล่ตั้งแต่ กรุงเทพมหานคร อย่างที่ดินย่านใจกลางเมืองหัวมุมถนนพระราม4 -สีลม (ศาลาแดง) ตรงข้ามสวนลุมพินีเนื้อที่ 24 ไร่เศษ ที่ดินแปลงร่วมทุนครั้งแรก กับ กลุ่มดุสิต โครงการ ดุสิตเซ็นทรัลพาร์ค เนื่องจากเป็นทำเลทองแลนด์มาร์คสำคัญใจกลางเมืองที่หายากยิ่งโดยมีแผยเปิดให้บริการในเฟสแรกกลางปีหน้า
หากก่อสร้างแล้วเสร็จจะพลิกโฉมเป็นเมืองลักชัวรีที่น่าจับตา และรองรับกลุ่มกำลังซื้อหลักชาวต่างชาติ นอกจากธุรกิจและเศรษฐีคนไทย ขณะราคาที่ดินขยับไปที่ 3 ล้านบาทต่อตารางวา เช่นเดียวกับทำเลทองที่ CPNประมูลได้ที่ดินบล็อก A สยามสแควร์ แปลงโรงหนังสกาลา เนื้อที่ 7 ไร่เศษ และตึกแถวเก่า 79คูหา ที่หมดอายุสัญญา เมื่อเดือนธันวาคม2563ที่ผ่านมา พลิกโฉม เป็นคอมมูนิตี้มอลล์และช็อปปิ้งสตรีทระดับโลก ในไม่ช้านี้
ถัดมาเป็นย่านพระราม9 ทำเลศักยภาพที่เซ็นทรัลพัฒนา ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ “GLAND” โครงการ เดอะ แกรนด์ พระราม 9 (The Grand Rama 9) พื้นที่ใจกลางเมืองบนพื้นที่ประมาณ 73 ไร่ ตั้งอยู่บนถนนพระราม 9 ตัดถนนรัชดาภิเษก ซึ่งเป็นทำเลศักยภาพสูงในย่านธุรกิจแห่งใหม่
(The New CBD) ของกรุงเทพมหานคร ที่ราคาที่ดินวิ่งไปที่ 2 ล้านบาทต่อตารางวา ตามที่ ผู้บริหารบมจ.พร็อพเพอร์ตี้เพอร์เฟค ได้ประเมินราคาไว้ ,ผังเมืองกรุงเทพมหานครฉบับใหม่ปรับการใช้ประโยชน์ที่ดิน มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการแบบผสมหรือมิกซ์ยูสเพื่อสร้างความคุ้มค่าให้กับแปลงที่ดินและอยู่ในแนวเส้นทางรถไฟฟ้า
โดยปีหน้า(2567) นายกรี เดชชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจที่อยู่อาศัย ระบุว่า มีแผนนำที่ดินบริเวณดังกล่าวเนื้อที่24ไร่ พัฒนาเป็น เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ เจาะกลุ่มกำลังซื้อสูง และเป็นธุรกิจสร้างรายให้กับองค์กรในระยะยาว ขณะที่ดินแปลง พหลโยธินตรงข้ามแดนเนรมิตเก่า เนื้อที่ราว50ไร่ ที่ซื้อต่อมาจาก จีแลนด์ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานี พหลโยธิน 24 ปัจจุบันก่อสร้างฐานรากแล้วเสร็จ รอขึ้นโครงการในลำดับต่อไป โครงการดังกล่าวเป็น มิกซ์ยูสขนาดใหญ่ มีด้วยกัน 2 เฟส
ปัจจุบันก่อสร้างเฟสแรกก่อน ตามแผนแล้วเสร็จเปิดให้บริการปี 2571 รวมถึงที่ดินทำเลหลักสี่ ดอนเมืองที่มีแผนพัฒนาโครงการบ้านหรู และที่ดินให้เช่าพัฒนากิจการโรงแรม ของกลุ่มมิราเคิลแนวรถไฟฟ้าสายสีแดง รองรับการขยายตัวของเมืองมาที่นี่ ส่วนทำเลบางนาอีกแปลงมีแผนพัมนาปลายปีนี้เป็นคอนโดมิเนียมใกล้ศูนย์การค้าบางนา ซึ่งเป็นที่ดินเหลือเศษมาจากการพัฒนา ศูนย์การค้าฯ ทำเลสามารถเชื่อมต่อไปสถานีบีทีเอส อุดมสุข ได้นอกจากฝั่งของถนนบางนา-ตราด
ที่ดินที่น่าจับตาอีกแปลงจะเป็นทำเลรังสิต ติดถนนพหลโยธินตรงข้ามโรงกษาปณ์ ที่ดินแปลงขนาดใหญ่ เนื้อที่รวม 761 ไร่ผุดมิกซ์ยูส ทำเลโซนเหนือของกรุงเทพมหานคร เชื่อม ต่อรถไฟฟ้าสายสีแดง “บางซื่อ-รังสิต-ธรรมศาสตร์” และโทลล์เวย์ส่วนต่อขยาย “บางปะอิน” รวมถึง มอเตอร์เวย์ บางปะอิน-นครราชสีมา ที่รับส่งคนเข้ามาใน พื้นที่นี้ อนาคต หากพัฒนาจะเป็นเมืองขนาดใหญ่จะดักความเจริญทุกสารทิศมากองรวมไว้ที่นี่
หากปรับผังเมือง จากพื้นที่สีม่วง (อุตสาหกรรม) เป็นพื้นที่สีแดง ประเภทพาณิชยกรรมแล้ว จะทยอยพัฒนาโครงการขนาดใหญ่บริเวณดังกล่าวได้เต็มที่ ในอนาคต และกระจายการพัฒนาไปสู่เมืองภูมิภาค จังหวัดหัวเมืองใหญ่ ทั้งภูเก็ตที่ได้เปิดตัวโครงการคอนมิเนียมหรูติดศูนย์การค้าภูเก็ต และมีแผนขยายเฟสต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังเจรจาซื้อที่ดินพัฒนาบ้านหรู ทำเลกระบี่ ซึ่งเป็นแปลงเชิงเขา ไม่ห่างจาก โครงการของแลนด์แอนด์เฮ้าส์ รองรับการขยายตัวของภาคท่องเที่ยวและกำลังซื้อราคายูนิตละ 12 ล้านบาทขึ้นไป
รวมถึงแผนพัฒนาคอนโดมิเนียม บ้านแนวราบจังหวัดนครศรีธรรมราช ติดศูนย์การค้ารวมถึงจังหวัดนครปฐมและนครสวรรค์ เป็นต้นเรียกว่า การพัฒนาของเซ็นทรัลพัฒนาจะช่วยกระจายความเจริญต่อยอดจากการลงทุนศูนย์การค้าซึ่งเป็นธุรกิจหลักขององค์กร
ล่าลุด วันที่ 14 กันยายน2566 เซ็นทรัลพัฒนา ประกาศ เจาะตลาดลักชัวรี ปั้นแบรนด์ “BAAN NIRADA” ในสไตล์ Modern European ราคาเริ่มประมาณ 20-30 ล้านบาท ปลายปีนี้ ปิดยอดขายทั้งปีรวมกัน 6,000 ล้านบาท โดยชูจุดแข็ง “บ้านและคอนโดฯ เซ็นทรัล” 1. Best in Town: ทำเลดีที่สุดในทุกย่านและเมือง 2. Beyond Quality: โครงการและสังคมคุณภาพ, และ 3. Strong Synergy: สิทธิประโยชน์จากในเครือกลุ่มเซ็นทรัล
โดยพัฒนาโครงการทั้งบ้านและคอนโดฯ รวมแล้วกว่า 35 โครงการ ครอบคลุม 18 จังหวัดทั่วประเทศ เพิ่มพอร์ตลักซูรี เปิดตัวแบรนด์ใหม่ล่าสุด “BAAN NIRADA” (บ้านนิรดา) มาพร้อมด้วย High Privacy และ Exclusive Community ปักหมุด 3 ทำเลศักยภาพในกรุงเทพฯ ได้แก่ พระราม 2 (พร้อมขาย 7-8 ต.ค. 66), อุทยาน-อักษะ และเอกชัย-วงแหวน (พร้อมขาย ธ.ค. 66)
นางสาว วัลยา กล่าวว่า “Central Pattana Residence" เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ที่ลงทุนทั้งเมืองหลัก และเมืองรองขยายโครงการที่อยู่อาศัยครอบคลุมกว่า 18 จังหวัด ซึ่งมีส่วนช่วยส่งเสริมการกระจายความเจริญ สร้างย่าน เมือง ชุมชน สังคม รวมไปถึงสร้างประเทศอีกด้วย
โครงการมีจุดแข็งในด้านทำเลที่ตั้งที่ดีที่สุดในทุกย่านและเมือง อีกทั้งยังเชื่อมต่อและ Synergy กับส่วนอื่นๆ ใน The Ecosystem for All ของเรา ทั้งส่วน Retail ที่เป็นหัวใจสำคัญ และในบางทำเลยังเชื่อมกับส่วนของโรงแรม และอาคารสำนักงาน รวมกันเป็นโครงการมิกซ์ยูสที่มีศักยภาพสูง ดังนั้น จึงสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยได้อย่างครอบคลุมทั้ง 360 องศา ไม่ว่าจะเป็นการ Shop-Eat-Work-Play-Stay-Live ตลอด 24 ชม.”
“เรามุ่งมั่นสร้างโครงการที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในฐานะผู้นำอสังหาริมทรัพย์ของเรา และการออกแบบพื้นที่ Place Making เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน เชื่อมโยงไปถึง People และ Planet ดูแลผู้คน ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ทุกโครงการจึงเน้นการสร้างสังคมคุณภาพและสภาพแวดล้อมที่ดี สร้างประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยในทุกมิติ พร้อมส่งมอบบ้านและคอนโดมิเนียมที่มีคุณภาพ ด้วยฟังก์ชั่นที่ครบครันและได้มาตรฐาน มีความปลอดภัย เอื้อต่อการใช้ชีวิตของทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย” คุณวัลยากล่าว
สำหรับแผนปี 2566 นี้ เปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 7 โครงการ ได้แก่ คอนโดฯ 3 โครงการทั้ง ESCENT ที่เพชรบุรี, บุรีรัมย์ และบางนา รวมทั้งโครงการบ้าน 4 โครงการ ทั้งบ้านนิรติ นครศรีฯ, และบ้านนิรดา แบรนด์ล่าสุดใน 3 ทำเลคือ พระราม 2, อุทยาน-อักษะ, เอกชัย-วงแหวน โดยคาดว่าปลายปีนี้จะปิดยอดขายรวมกันทั้งปี 6,000 ล้านบาท ทั้งนี้มองว่าแนวโน้มไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ตลาดอสังหาฯ ยังคงมีทิศทางที่ดี โดยมีปัจจัยบวกจากความต้องการด้านที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าระดับบน ที่ยังคงมีกำลังซื้ออย่างต่อเนื่อง