'ทีโอเอ' เปิดยุทธศาสตร์ผู้นำตลาดสีในอาเซียน ปี’62 เปิดโรงงานใหม่ 3 ประเทศ "อินโดนีเซีย-เมียนมา-กัมพูชา" คาดกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 102 ล้านแกลลอน
นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผยว่า จากวิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่การเป็นผู้นำตลาดสีในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์และบริการแบบครบวงจร โดยบริษัทฯ มีกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่ชัดเจน คือ การเพิ่มสัดส่วนยอดขายในประเทศไทยด้วยการพัฒนานวัตกรรมสีใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และการตลาดเพื่อกระตุ้นการใช้สีให้มากขึ้น ทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์สีทาอาคาร ที่ถือเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่สร้างรายได้หลักให้กับบริษัทฯ กว่า 68.4% ของรายได้จากการขาย ครอบคลุมตั้งแต่ผลิตภัณฑ์เกรดพรีเมียม อาทิ ซุปเปอร์ชิลด์ และทีโอเอ ชิลด์ วัน นาโน ตามลำดับ และเกรดปานกลางถึงเกรดอีโคโนมี เช่น โฟร์ซีซั่นส์และเป็ดหงส์ ตามลำดับ
รวมถึงการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของกลุ่มผลิตภัณฑ์สีและสารเคลือบผิวและผลิตภัณฑ์ประเภทอื่น ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ผลิตภัณฑ์เคมีก่อสร้าง ผลิตภัณฑ์สีที่มีความทนทานสูง ผลิตภัณฑ์สีและสารเคลือบผิวสำหรับงานไม้ ผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ และผลิตภัณฑ์นอกเหนือจากสีทาอาคารอื่น โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ออกสายผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับเครื่องผสมสีอัตโนมัติในรุ่น X-Series ที่มีขนาดเล็ก ราคาประหยัดลง แต่ประสิทธิภาพเยี่ยมเทียบเท่าเครื่องขนาดใหญ่ เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มผู้ค้าปลีกขนาดเล็กและรองรับการขยายเมืองไปสู่ในเขตชานเมืองที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น โดยปี 2561 บริษัทฯ มีเครื่องผสมสีอัตโนมัติจำนวนทั้งสิ้น 6,581 เครื่อง แบ่งเป็น ในประเทศไทย จำนวน 4,428 เครื่อง และในตลาดเออีซีอีกจำนวน 2,153 เครื่อง เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 9%
อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญ คือ การมุ่งขยายธุรกิจตลาดสีในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ที่บริษัทฯ ได้กำหนดแผนการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม โดยการนำโมเดลที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทยไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทในแต่ละประเทศ ซึ่งเฟสแรกนั้น คือ การสร้างฐานการผลิตใหม่อีก 3 แห่ง ตามโรดแมป เพื่อเป็นการรองรับการขยายตัวของอัตราการใช้สีที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการช่วยลดต้นทุนสินค้า เพิ่มโอกาสการขยายตัวด้านช่องทางการจัดจำหน่ายให้เติบโตและช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันด้านกลไกการตลาดมากขึ้น
สำหรับการสร้างโรงงานผลิตสีแห่งใหม่ในเขตนิคมอุตสาหกรรม Kawasan Industri Millenium ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อย พร้อมเปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์ภายในไตรมาสที่ 2 รวมถึงการจัดตั้งโรงงานใหม่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวา ซึ่งทำการย้ายมาจากย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา และการสร้างโรงงานผลิตสีแห่งที่ 2 ในเขตเศรษฐกิจพิเศษพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ซึ่งคาดว่า โรงงานทั้ง 2 แห่งนี้ จะแล้วเสร็จพร้อมเปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์ภายในไตรมาสที่ 3 และ 4 ปี 2562 นี้ ตามลำดับ ซึ่งหากโรงงานทั้ง 3 แห่งดังกล่าว สร้างแล้วเสร็จและเริ่มเปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์ คาดว่า ภายในปี 2562 บริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตรวมจำนวน 102 ล้านแกลลอน หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 16%
"ภาพรวมการดำเนินงานของบริษัทในปีหน้าจะเติบโตเป็นเลข 2 หลัก หรือประมาณ 10% ทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ โดยตลาดอาเซียนถือเป็นตลาดหลักของกลุ่มทีโอเอ ซึ่งมีเวียดนามเป็นตลาดหลัก" นายจตุภัทร์ กล่าวพร้อมย้ำว่า ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์สีทีโอเอและสารเคลือบผิวมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 14%