“ถ้าเกิดว่าทำงานไม่ได้เต็มประสิทธิภาพ ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลไม่ได้ ก็ต้องมีการพิจารณาตรงนี้” นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวตอนหนึ่งในการให้สัมภาษณ์หลังการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2567 ที่ผ่านมา ถึงจุดยืนและหลักเกณฑ์ของนายกฯ ถ้าจะปรับ ครม. มีอะไรบ้าง
ปรับครม.“พิชัย”นั่งคลัง
ทั้งนี้มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า การ “ปรับ ครม.” จะเกิดขึ้นหลังจากสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 วาระแรก ระหว่างวันที่ 5-6 มิ.ย. 2567 ซึ่งเป็นการเปิดสภาสมัยวิสามัญ
ในการปรับ ครม. นายเศรษฐา จะสละเก้าอี้ รมว.คลัง โดยมีชื่อ พิชัย ชุณหวชิร ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ เข้ามาดำรงตำแหน่ง รมว.คลัง แทน
ขณะที่ นายเศรษฐา จะโยกไปนั่งควบเก้าอี้ รมว.กลาโหม อีก 1 ตำแหน่ง ทำให้ นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม อาจต้องพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีไป เนื่องจากพรรคเพื่อไทยต้องการให้ นายสุทิน กลับไปช่วยขับเคลื่อนงานสภาฯ
สลับกระทรวง-เขี่ยออก
ทั้งนี้มีรายงานด้วยว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทย การปรับ ครม. จะเป็นรูปแบบสลับกระทรวง โดย นางพวงเพชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง และ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา อาจจะต้องสลับตำแหน่งกัน
โดยเฉพาะ น.ส.สุดาวรรณ มีปัญหาการทำงานในกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ทั้งที่พรรคเพื่อไทยต้องการใช้ขับเคลื่อนงานซอฟต์พาวเวอร์ จึงจำเป็นต้องหาคนที่มีความเหมาะสมมาดำรงตำแหน่งดังกล่าว
นอกจากนั้น รัฐมนตรีส่วนของพรรคเพื่อไทย ที่อาจถูกปรับพ้นตำแหน่ง รมต. เนื่องจากไม่ปรากฎผลงาน ประกอบด้วย นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย, นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์, นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.การต่างประเทศ
ส่วนบุคคลที่มีรายชื่อและมีโอกาสดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ประกอบด้วย นายชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย, นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษานายกฯ
ขณะที่พรรคพรรครวมไทยสร้างชาติ มีความเป็นไปได้ที่จะปรับ นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง พ้นตำแหน่ง โดยมี นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ กลุ่ม ส.ส.สุราษฎร์ธานี เป็นตัวเต็งเข้าดำรงตำแหน่งแทน
ส่อดึงปชป.เสริมรัฐบาล
มีรายงานด้วยว่า พรรคเพื่อไทย เตรียมทาบทามพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) เข้าร่วมรัฐบาล เพื่อเพิ่มเสถียรภาพรัฐบาลให้มีความเข้มแข็งขึ้น โดยจะหั่นโควตา รมต. พรรคเพื่อไทย 1 ตำแหน่ง และ พรรคภูมิใจไทย 1 ตำแหน่ง ส่งให้เป็นโควตาของ ปชป. 2 ตำแหน่ง เป็น รมต.ว่าการ 1 ตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วย 1 ตำแหน่ง
สำหรับตัวเต็งดำรงตำแหน่ง รมต.ของพรรค ปชป. มีชื่อ นายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรค และ นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช เป็นตัวเต็ง
สำหรับ “รัฐบาลเศรษฐา” ปัจจุบันมี ส.ส.รัฐบาล 315 เสียง จาก 11 พรรค ได้แก่ เพื่อไทย 141 เสียง, ภูมิใจไทย 71 เสียง, พลังประชารัฐ 40 เสียง, รวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง, ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง ,ประชาชาติ 9 เสียง, ชาติพัฒนากล้า 3 เสียง, เพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง, เสรีรวมไทย 1 เสียง, พลังสังคมใหม่ 1 เสียง, ท้องที่ไทย 1 เสียง
หากเพิ่ม ส.ส.ประชาธิปัตย์ เข้าไปอีก 21 เสียง จาก 25 เสียง ยกเว้น 4 เสียง (ชวน หลีกภัย, บัญญัติ บรรทัดฐาน, จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, สรรเพชร บุญญามณี) ที่ไม่สนับสนุนให้ร่วมรัฐบาล ก็จะทำให้ขั้วรัฐบาลมี ส.ส. เพิ่มเป็น 336 เสียง ซึ่งจะทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ไม่ต้อง “พะวักพะวง” ว่าในอนาคตจะมีพรรคใดพรรคหนึ่งถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล แล้วรัฐบาลจะไปไม่รอด
7 ปัจจัยปรับ ครม.
สำหรับเหตุผลทำไมต้อง “ปรับ ครม.” หลังผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2568 วาระแรก มีการวิเคราห์กันว่า
1.ก็เพื่อให้งบประมาณ 2568 ผ่านฉลุยไปก่อน
2.สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) ชุดปัจจุบันครบเทอม ไม่มีความเสี่ยงต่อตําแหน่งนายกฯ
และ 3.ดําเนินการก่อนศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกล ที่ คาดว่าจะวินิจฉัยเดือน ส.ค.นี้
ส่วนปัจจัยที่ทำให้นายกฯ ต้อง “ปรับ ครม.” ว่ากันว่ามีอยู่ 7 ปัจจัย ประกอบด้วย
1.หมดเวลาตอบแทนจากเลือกตั้ง
2. จัดการ รมต.โลกลืมไร้ผลงาน
3.สัญญาเก้าอี้ดนตรีถึงเวลาคนอื่น
4.กระชับอํานาจ"บ้านจันทร์ส่องหล้า"
5.แลกเปลี่ยนโควต้ารมต.กับพรรคร่วมรัฐบาล
6. สร้างความคาดหวังใหม่ เพื่อยืดอายุรัฐบาล
และ 7. ป้องกันจุดเสี่ยงรัฐบาล จากพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง
เมื่อการทำงานของรัฐบาลยังไม่สามารถ “ตอบโจทย์” แก้ปัญหาให้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจปากท้องการของประชาชน การ “ปรับ ครม.” ก็มักถูกนำมาแก้ปัญหาดังกล่าว
...มารอดูกันว่าการ “ปรับ ครม.” จะเกิดขึ้นดังที่ว่าจริงหรือไม่