ไร้ภาษีช่วย Lamborghini Urus SE ปลั๊ก-อินไฮบริด คาดราคาทะลุ 25 ล้านบาท

06 พ.ค. 2567 | 03:59 น.

Lamborghini Urus SE ปลั๊ก-อินไฮบริด คาดราคาทะลุ 25 ล้านบาท เพราะโดนภาษีเต็มพิกัดจากต้นกำลัง V8 ขนาด 4.0 ลิตร เตรียมนำเข้ามาอวดโฉมในไทย กลางเดือนพฤษภาคมนี้

ลัมโบร์กินี แบรนด์ซูเปอร์คาร์จากอิตาลี สร้างความฮือฮาด้วยการนำ Lamborghini Urus SE ปลั๊ก-อินไฮบริด มาเปิดตัวครั้งแรกในงานปักกิ่งมอเตอร์โชว์ 2024 ส่วนเมืองไทยเตรียมอวดโฉมกลางเดือนพฤษภาคมนี้ พร้อมประกาศราคา Lamborghini Urus SE และเปิดรับจองทันที 

 

ออโตโมบิลี ลัมโบร์กินี เผยโฉม Lamborghini Urus SE ขุมพลังปลั๊ก-อินไฮบริด ในงาน Auto China 2024 หรือปักกิ่ง มอเตอร์โชว์ ที่ประเทศจีน ซึ่งถือเป็นรถ PHEV รุ่นที่สองของค่าย ต่อจากซูเปอร์คาร์ Revuelto ที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว

Lamborghini Urus SE ปลั๊ก-อินไฮบริด คาดราคาทะลุ 25 ล้านบาท Lamborghini Urus SE ปลั๊ก-อินไฮบริด คาดราคาทะลุ 25 ล้านบาท Lamborghini Urus SE ปลั๊ก-อินไฮบริด คาดราคาทะลุ 25 ล้านบาท Lamborghini Urus SE ปลั๊ก-อินไฮบริด คาดราคาทะลุ 25 ล้านบาท

สำหรับ Lamborghini Revuelto ปลั๊ก-อินไฮบริด ใช้เครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.5 ลิตร ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ให้กำลังรวม 1,015 แรงม้า โดยตั้งราคาไว้ 47.49 ล้านบาท

 

ส่วน Lamborghini Urus SE มากับต้นกำลังเดิมคือ เครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.0 เทอร์โบคู่ กำลัง 620 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 800 นิวตัน-เมตร เสริมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 192 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 483 นิวตัน- เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด

 

ด้านแบตเตอรีลิเทียมไอออนความจุ 25.7 kWh วางไว้ใต้พื้นห้องเก็บสัมภาระด้านหลัง (บนระบบเฟืองท้ายไฟฟ้า) เมื่อชาร์จไฟเต็ม สามารถขับในโหมด EV ได้ระยะทางกว่า 60 กม. โดยเครื่องยนต์ไม่ติดขึ้นมาเลย

 

Lamborghini Urus SE ซูเปอร์เอสยูวีขับเคลื่อนสี่ล้อ ให้กำลังรวมทั้งระบบ 800 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 950 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750 - 5,750 รอบต่อนาที มีอัตราส่วนกำลังต่อนํ้าหนักเครื่อง (Weight- to-Power Ratio) ที่ 3.13 กก./แรงม้า  อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 3.4 วินาที (Urus S ที่ 3.5 วินาที) และ 0-200 กม./ชม. ในเวลา 11.4 วินาที (Urus S ที่ 12.5 วินาที) ความเร็วสูงสุด 312 กม./ชม. (Urus S ที่ 305 กม./ชม.)

สำหรับแผงควบคุม Tamburo ติดตั้งไว้กลางคอนโซล ให้เลือก เปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้ 11 รูปแบบ ทั้งระบบพื้นฐาน Strada, Sport, Corsa (สำหรับท้องถนนและสนามแข่ง) รวมถึง Neve, Sabbia และ Terra (สำหรับพื้นผิวที่มีการยึดเกาะที่แตกต่างจากพื้นยางมะตอย) และระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า EV Drive, Hybrid, Performance และ Recharge

Lamborghini Urus SE ปลั๊ก-อินไฮบริด คาดราคาทะลุ 25 ล้านบาท Lamborghini Urus SE ปลั๊ก-อินไฮบริด คาดราคาทะลุ 25 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังออกแบบสปอยเลอร์หลังใหม่ ที่ทำงานร่วมกับดิฟฟิวเซอร์หลัง สามารถเพิ่มแรงกดด้านท้ายได้เพิ่มขึ้น 35% (เทียบกับ Urus S) ขณะวิ่งด้วยความเร็วสูง

 

ค่ายกระทิงเปลี่ยว ยังนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้กับ Urus SE เป็นครั้งแรก คือระบบเวคเตอร์แรงบิดไฟฟ้าตามแนวยาวรูปแบบใหม่ที่ติดตั้งไว้บริเวณกลางตัวรถ พร้อมคลัตช์อิเลกโตรไฮดรอลิกแบบมัลติเพลตซึ่งช่วยสร้างแรงบิดแปรผันระหว่างเพลาหน้าและเพลาหลังได้อย่างต่อเนื่อง ทำหน้าที่ประสานการทำงานให้สอดรับกับเฟืองท้ายไฟฟ้าบนเพลาหลัง จะคอยกระจายแรงบิดเมื่อทำ การเบรก ทำให้รถยนต์สามารถควบคุมอาการ oversteer ได้แบบ on demand

 

Lamborghini Urus SE ใช้ล้ออัลลอยขนาด 23 นิ้ว เป็นมาตรฐานพร้อมยาง Pirelli P Zero รุ่นใหม่ ขณะเดียวกันยังมีโทนสีตัวรถให้เลือกกว่า 100 องค์ประกอบ พร้อม 2 โทนสีใหม่ Arancio Egon (สีส้ม) ที่จับคู่กับการตกแต่งห้องโดยสารโทนสี Arancio Apodis (สีส้ม) และโทนสี Bianco Sapphirus (สีขาว) จับคู่กับการตกแต่งห้องโดยสารโทนสี Terra Kedros (สีนํ้าตาลแดง)

ส่วนภายในห้องโดยสารยังปรับปรุงใหม่ เพิ่มฟีเจอร์บริเวณแผงหน้าปัดด้านหน้า ขนาด 12.3 นิ้ว หลังพวงมาลัยแสดงผลกราฟิก Human Machine Interface (HMI) เวอร์ชันใหม่ (เหมือนที่ใช้ใน Revuelto) เช่นเดียวกับหน้าจอกลางแบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว แสดงผลแบบใหม่ ทำงานสัมพันธ์กับระบบช่วยการขับขี่ต่างๆ ทำให้ผู้ขับสามารถรับรู้สภาวะรอบด้านได้ดีขึ้น

Lamborghini Urus SE ปลั๊ก-อินไฮบริด คาดราคาทะลุ 25 ล้านบาท Lamborghini Urus SE ปลั๊ก-อินไฮบริด คาดราคาทะลุ 25 ล้านบาท Lamborghini Urus SE ปลั๊ก-อินไฮบริด คาดราคาทะลุ 25 ล้านบาท

ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถเลือกออปชันการตกแต่งภายใน และจับคู่สีได้อีกกว่า 47 แบบ และการเย็บตะเข็บตกแต่ง 4 สไตล์ (Q-citura stitching) พร้อมโปรแกรม Ad Personam เลือกการตกแต่งตามความต้องการของตนเองได้

 

Lamborghini Urus SE เตรียมเปิดตัวและประกาศราคาในไทยวันที่ 16 พฤษภาคมนี้ โดยซูเปอร์เอสยูวีรุ่นนี้เสียภาษีสรรพสามิตเต็มพิกัดเท่ากับรุ่น Urus S (เครื่องยนต์ V8) เพราะขนาดเครื่องยนต์เกิน 3.0 ลิตรไปแล้ว ซึ่งต่างจากรถปลั๊ก-อิน แบรนด์ยุโรป อย่าง Bentley Bentayga, Audi Q8, Porsche Cayenne ที่ได้สิทธิ์ประโยชน์ด้านภาษี (เครื่องยนต์ไม่เกิน 3.0 ลิตร) ส่งผลให้ราคาลดลงไปหลายล้านบาท เมื่อเทียบกับรุ่น ICE

 

ปัจจุบัน Lamborghini Urus S เครื่องยนต์ V8 ราคา 23.59 ล้านบาท และซูเปอร์คาร์ Lamborghini Revuelto ปลั๊ก-อินไฮบริด เครื่องยนต์ V12 ราคา 47.49 ล้านบาท