MTC ดันยอดปล่อยสินเชื่อไตรมาส 2/67 เชื่อโตกว่าไตรมาสแรกที่ 6.6 พันล้าน

นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC เปิดเผยว่า ประเมินภาพรวมธุรกิจในช่วงไตรมาส 2/2567 คาดว่าจะมีการขยายตัวที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2567 ที่มีรายได้อยู่ที่ 6,631 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.78% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อนที่ทำได้ 5,630 ล้านบาท และมีมูลค่าพอร์ตสินเชื่อรวมในไตรมาส 1/2567 อยู่ที่ 147,587 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.37% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อนที่ทำได้ 125,744 ล้านบาท

หลักๆ เป็นผลมาจากความต้องการสินเชื่อในปัจจุบันที่ยังคงเพิ่มขึ้น ตามการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยมองว่าการเติบโตในไตรมาส 2/2567 อย่างน้อยจะไม่ต่ำกว่า 17% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2567 เพราะปกติแล้วในไตรมาส 1 ของทุกปีจะเป็นโลวซีซัน ทำให้ไตรมาสอื่นๆ จะมีทิศทางที่ดีกว่า และคาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 ปี 2567 ยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่จะมีการขยายตัวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในส่วนของหนี้สงสัยจะสูญ (NPLs) และ Credit cost ในช่วงไตรมาส 2/2567 และช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทยังคงความสามารถในการรักษาระดับให้อยู่ที่เฉลี่ยไม่เกิดเป้าหมายปีนี้ที่กำหนดไว้ 3.20% และ 3.50% โดยในไตรมาส 1/2567 ผลงานทำออกมาได้ค่อนข้างดี NPLs ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 3.03% จากปีก่อนที่ 3.11% และ Credit cost ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 3.12% จากปีก่อนที่ 3.67% ในส่วนของการตั้งสำรองนั้น ยังคงล้อไปตามการเรียกเก็บและชำระหนี้ รวมถึงสัดส่วนของลูกหนี้ในแต่ละ Stage  

แผนการขยายสาขาในปี 2567 บริษัทตั้งเป้าหมายจะเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 600 สาขาทั่วประเทศ ส่งผลให้สิ้นปีนี้จะมีสาขาให้บริการเพิ่มเป็น 8,140 สาขา จากสิ้นปี 2566 ที่มี 7,537 สาขา โดยในช่วงไตรมาส 1/2567 มีการเปิดสาขาใหม่ไปแล้ว 251 แห่ง ทำให้ปัจจุบันมีสาขาเปิดให้บริการในตอนนี้แล้วกว่า 7,788 สาขา ในส่วนของไตรมาส 2/2567 จะเปิดสาขาใหม่เพิ่มได้มากน้อยแค่ไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าในแต่ละพื้นที่มีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน แต่สาขาส่วนใหญ่จะพยายามเปิดให้ได้ในไตรมาส 2/2567 นี้ เพื่อเก็บเกี่ยวผลในครึ่งปีหลัง

กูรูคาดกำไรสุทธิ MTC ไตรมาส 1/67 ยืนเหนือ 1.2-1.3 พันล้าน NPL พ้นจุดพีค

ทั้งนี้ ในปี 2567 บริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ไว้ที่ไม่น้อยกว่า 15-20% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ระดับ 24,526.18 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 4,906.47 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อรวมก็จะเพิ่มขึ้นสอดคล้องไปตามรายได้ที่มีการเติบโตที่ดีขึ้นเช่นเดียวกัน มองว่าผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 จะดีขึ้นกว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน และในช่วงครึ่งหลังปีนี้การเติบโตก็เชื่อว่าจะดีกว่าทั้งเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก และเมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมุ่งมั่นยกระดับการบริการสินเชื่อให้เป็นแหล่งเงินทุนที่มีคุณภาพในมาตรฐานระดับโลก (World-class Thai Microfinance) สอดรับความร่วมมือองค์การระหว่างประเทศหลายสถาบัน เช่น ความร่วมมือรัฐบาลญี่ปุ่น (JICA) และรัฐบาลเยอรมนี (KFW DEG) เพื่อระดมทรัพยากรทางการเงินเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง ภายใต้หลักธรรมาภิบาล เคารพในสิทธิ รักษาผลประโยชน์ และตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าให้เกิดความประทับใจสูงสุด

ส่วนต้นทุนทางการเงินปีนี้คาดไว้ 4-4.2% แต่ในไตรมาส 1/2567 อยู่ที่ 3.89% โดยบริษัทมีแผนการออกหุ้นกู้ต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการสินเชื่อที่มากขึ้น ซึ่งในเดือนนี้จะมีหุ้นกู้ที่ครบกำหนด 1,600 ล้านบาท และ บริษัทจะมีการเสนอขายหุ้นกู้ในวันที่ 14-16 พ.ค. นี้จำนวน 3 ชุด โดยชุดแรก คือ 2 ปี 22 วัน ดอกเบี้ย 4.30% ต่อปี, ชุดที่ 2 คือ 3 ปี 21 วัน ดอกเบี้ย 4.80% ต่อปี, ชุดที่ 3 คือ 4 ปี 27 วัน ดอกเบี้ย 4.95% ต่อปี นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนการจัดหาเงินทุนผ่านการกู้ยืมจากสถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมามีการกู้ยืมจากสถาบันการเงินต่างประเทศ 10,000 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดได้วงเงินมาแล้ว 92 ล้านเหรียญสหรัฐ และ ได้ทยอยเบิกใช้อย่างต่อเนื่อง