SCGP เล็งอัพราคาขาย หลังต้นทุนสูงขึ้น ดันผลงานไตรมาส 2/67 โตต่อเนื่อง

08 พ.ค. 2567 | 08:05 น.

SCGP ผลงานไตรมาส 2/67 โตต่อเนื่อง แม้ต้นทุนวัตถุดิบ RPC ปรับตัวสูงแต่ยังส่งต่อราคาได้ มองดีมานด์ยังขยายตัวดี วางงบ 1.5 หมื่นล้าน ลงทุนต่อยอดธุรกิจ และอัพแกร่งกำลังผลิต

นายดนัยเดช เกตุสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจและผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/2567 คาดว่าจะยังคงมีการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากไตรมาส 1/2567 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ระดับ 34,210.34 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 1,724.65 ล้านบาท แม้ว่าไทยและอินโดนีเซียจะมีวันหยุดมากในเดือนเม.ย. แต่พบว่าความต้องการผลิตภัณฑ์ยังคงเติบโตต่อเนื่อง

และเชื่อว่าในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2567 ปริมาณขายจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าต้นทุนราคาวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิล (RPC) ในปัจจุบันจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น แต่บริษัทยังคงความสามารถให้การบริหารจัดการได้ค่อนข้างดี และยังสามารถปรับเพิ่มราคาขายผลิตภัณฑ์ได้ตามราคาต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น

แผนการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทวางเป้าหมายรายได้รวมเติบโตแบบ 2 หลัก (Double Digits) หรือแตะที่ระดับไม่น้อยกว่า 1.5 แสนล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ระดับ 130,441.11 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 5,248.13 ล้านบาท หลักๆ เป็นผลมาจากกลุ่มธุรกิจเดิมที่มีอยู่มีอัตราการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น สอดรับกับดีมานด์ที่มีการขยายตังส่งผลทำให้ปริมาณการจำหน่ายในปีนี้สูงขึ้นตามไปด้วย อีกทั้งบริษัทยังรับรู้รายได้เต็มปี จากกลุ่มธุรกิจที่บริษัทเข้าเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ (M&P) ในช่วงปีที่ผ่านมาจำนวน 3 โครงการ

พร้อมกันนี้ บริษัทยังคงมีความสนใจและมองหาโอกาสในการขยายการลงทุน รวมถึงการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทษเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ในปัจจุบันมีที่อยู่ระหว่างการศึกษาและพิจารณาการลงทุนอยู่ในมือบ้างแล้วประมาณ  2-3 ราย เบื้องต้นบริษัทคาดว่าในปี 2567 นี้ จะปิดดีล M&P ให้ได้เห็นเพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 1 ดีล

งบประมาณการลงทุน (CAPEX) ในปี 2567 บริษัทวางไว้ที่ประมาณ 15,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรองรับการขยายกำลังการผลิตโรงงานในไทยและต่างประเทศ รวมการเข้าไปลงทุน M&P ที่อยู่ระหว่างเจรจา 10,000 ล้านบาท ส่วนอีก 5,000 ล้านบาท ใช้รองรับสำหรับการบำรุงรักษา การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และอื่นๆ ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/2567 บริษัทใช้งบลงทุนไปแล้ว 1,500 ล้านบาท นอกจากนี้ จะมีงบซื้อหุ้นเพิ่มใน PT Fajar Surya Wisesa Tbk. (Fajar) ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์ในอินโดนีเซีย คาดจะเห็นการใช้เงินส่วนนี้ในครึ่งปีหลัง