ปี 2567 หากเอ่ยถึงสินทรัพย์ที่ทำราคาสูงสุดใหม่ (All Time High) นอกเหนือจาก 3 ดัชนีหลักของตลาดหุ้นสหรัฐฯ หรือแม้กระทั่งดัชนี DAX ของตลาดหุ้นเยอรมนี “ทองคำ” ถือเป็นหนึ่งในนั้น โดยราคาปรับขึ้นจากระดับ 2,062.70 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ช่วงปลายปี 2566 ก็ได้ปรับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 1 ปี 2567 หากดูคาดการณ์ราคาทองคำของสถาบันการเงินชั้นนำของโลกหลาย ๆ แห่ง ก็จะเห็นโอกาสที่ทองคำจะทำจุดสูงสุดใหม่ได้
ย้อนกลับมาดูราคาทองคำในประเทศไทย ได้ทุบสถิติทำจุดสูงใหม่ต่อเนื่อง ด้วยแรงหนุนจากราคาทองคำโลกที่ปรับขึ้นและค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ซึ่งจากราคาทองที่มีแนวโน้มเป็นขาขึ้น สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนหรือเก็งกำไรทองคำ นอกเหนือจากการซื้อทองคำจากร้านขายทอง ก็มีช่องทางอื่น ๆ และทางเลือกที่ได้รับความนิยม คือ ซื้อขายผ่านตลาดอนุพันธ์ (TFEX)
โดยปัจจุบัน TFEX เปิดให้มีการซื้อขาย สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำ (Futures) อยู่ 3 ประเภท ได้แก่
Gold Futures เป็นสินค้า Futures ที่อ้างอิงทองคำตัวแรกใน TFEX โดยเริ่มเปิดให้ซื้อขายครั้งแรกในปี 2552 ซึ่งเป็นสินค้าที่ซื้อขายกันด้วยสกุลเงินบาทเช่นเดียวกับราคาทองคำในประเทศไทย โดยแบ่งออกเป็น 2 ขนาดตามน้ำหนักของทองคำ ได้แก่ น้ำหนัก 50 บาท และ 10 บาท
สำหรับสินค้า Gold Futures เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรจากส่วนต่างของราคาซื้อขาย หรือต้องการป้องกันความเสี่ยงจากการถือครองทองคำจริงในช่วงที่ราคาทองคำในประเทศปรับตัวลง
Gold-D เป็นสินค้าที่เริ่มเปิดให้ซื้อขายครั้งแรกในปี 2560 ซึ่งถูกกำหนดให้มีการรับและส่งมอบทองคำจริง ดังนั้น สินค้า Gold-D จึงเหมาะกับผู้ประกอบการทองคำหรือนักลงทุนที่ต้องการซื้อขายเพื่อเก็บทองคำไว้เป็นสินทรัพย์
Gold Online Futures เป็นสินค้าที่เริ่มเปิดให้ซื้อขายครั้งแรกในปี 2561 ซึ่งทาง TFEX ได้ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ต่อผู้ที่ต้องการเก็งกำไรจากราคาทองคำในตลาดโลกโดยตรง โดยซื้อขายกันด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐต่อน้ำหนักทองคำ 1 ทรอยออนซ์เช่นเดียวกับราคาทองคำในตลาดโลก จึงไม่มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามาเกี่ยวข้อง
ส่งผลให้ปัจจุบัน Gold Online Futures กลายเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มสินค้าอ้างอิงทองคำ ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรจากความผันผวนของราคาทองคำโลกโดยตรงและไม่ต้องการรับมอบหรือส่งมอบทองคำ
สิ่งที่ทำให้ทองคำโลหะมีค่าสีเหลืองทองที่มีสัญลักษณ์ทางเคมีว่า Au ได้รับความสนใจและถือเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนทั่วโลกนิยมซื้อขายกัน เนื่องจากลักษณะทางกายภาพที่ทนทานไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานกี่ปีก็ตาม ไม่ผุกร่อนและไม่เกิดสนิม รวมทั้งมีความสวยงามแวววาว จึงเป็นที่หมายปองของมนุษย์มาตั้งแต่โบราณกาล
นอกจากนี้ ยังมีโลหะมีค่าอีกชนิดหนึ่งที่มักจะถูกพูดถึงคู่กับทองคำเสมอ แม้แต่สุภาษิตไทยก็มีกล่าวถึงเช่นกันว่า “มีเงินนับเป็นน้อง มีทองนับเป็นพี่” คือ “โลหะเงิน” แม้ราคาโลหะเงินจะไม่ได้ทำ All Time High เหมือนราคาทองคำ แต่ถือว่ามีความน่าสนใจไม่แพ้กัน โดยนับตั้งแต่ต้นปี 2567 ราคาโลหะเงินได้ปรับขึ้นจาก 23.8 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ขึ้นไปทำจุดสูงสุดของปีที่ 25.8 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ (ข้อมูล ณ วันที่ 21 มีนาคม 2567) ปรับเพิ่มขึ้นราว 8.40%
อีกทั้ง ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทองคำและโลหะเงินมีความสัมพันธ์ไปในทิศทางเดียวกันสูงถึง 0.78 นอกจากนี้ ความถูกแพงของทองคำและโลหะเงินสามารถเทียบได้จากค่า Gold/Silver Ratio โดยปัจจุบันค่าดังกล่าวอยู่ที่ราว 89 เท่า เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 80 เท่า จึงเห็นได้ว่าราคาโลหะเงินมีความถูกเกินไปเมื่อเทียบกับราคาทองคำ
โดยในตลาด TFEX นอกเหนือจากสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) ที่อ้างอิงกับทองคำ ก็ยังมีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาโลหะเงินให้ได้เทรดกันด้วย โดยมีชื่อย่อสัญญาว่า SVF ด้วย
ตัวอย่างการซื้อขาย Silver Online Futures
นักลงทุนคาดว่าราคาโลหะเงินจะเพิ่มขึ้น จึงเข้าไป Long SVFM24 (หมดอายุเดือนมิถุนายน 2567) ที่ราคา 25 ดอลลาร์สหรัฐ จำนวน 10 สัญญา ต่อมาราคาโลหะเงินเพิ่มตามคาด จึงปิดสถานะทำกำไร SVFM24 ที่ 26 ดอลลาร์สหรัฐ (ไม่รวมค่าธรรมเนียมต่าง ๆ) จะได้กำไรเท่ากับ (26 – 25) x 3,000 x 10 = 30,000 บาท
สำหรับจุดเด่นของการเทรด Silver Online Futures คือ ราคาอ้างอิงกับราคาโลหะเงินในตลาดโลก และไม่มีความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ไม่จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐในการเทรด รวมทั้งคิดกำไรขาดทุนเป็นเงินบาท อีกทั้งมีกฎหมายในประเทศไทยรองรับ สามารถซื้อขายได้อย่างปลอดภัย
ศึกษาข้อมูลและดูรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ >> คลิกที่นี่
โดย : รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายหลักทรัพย์ต่างประเทศและฟิวเจอร์ส บล.บัวหลวง