SC ตั้งเป้ากวาดรายได้ปี 67 ทะลุ 2.6 หมื่นล้าน

26 มี.ค. 2567 | 08:49 น.

SC กางแผนปี 67 ตั้งเป้ารายได้รวมแตะ 2.65 หมื่นล้าน เล็งเปิดตัว 17 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 3 หมื่นล้าน หวังปั้มยอดขายแตะ 2.8 หมื่นล้าน พร้อมทุ่มงบกว่า 2.5 หมื่นล้าน กวาดซื้อที่ดินคลอดโครงการใหม่ อวดแบ็กล็อกในมือหนา 1.42 หมื่นล้าน รับรู้รายได้ปีนี้กว่า 50%

นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านสนับสนุนองค์กร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC เปิดเผยว่า ในปี 2567 บริษัทตั้งเป้าหมายการสร้างยอดขายรวมไว้แตะที่ระดับ 28,000 ล้านบาท ประกอบด้วย ยอดขายโครงการแนวราบ 65% และคอนโดฯ 35% เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากสิ้นปีก่อนที่ทำได้รวม 27,945 ล้านบาท บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่รวม 17 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 30,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 15 โครงการ มูลค่า 25,000 ล้านบาท และคอนโดฯ 2 โครงการ มูลค่า 5,000 ล้านบาท

โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 10 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 2 โครงการ มูลค่าประมาณ 4,750 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2567 และโครงการแนวราบ 7 โครงการ มูลค่าราว 13,000 ล้านบาท คอนโดฯ 1 โครงการ มูลค่า 3,000 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2567 ในขณะที่ครึ่งปีหลังมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ 7 โครงการ แบ่งเป็นแนวราบ 3 โครงการ มูลค่า 4,450 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2567 และแนวราบ 3 โครงการ มูลค่า 2,800 ล้านบาท คอนโดฯ 1 โครงการ มูลค่า 2,000 ล้านบาท ในไตรมาส 4/2567

ส่งผลให้สิ้นปี 2567 นี้ บริษัทจะมีโครงการที่พัฒนาและรอการขายรวมเป็น 86 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 91,000 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ปัจจุบันบริษัทยังมียอดขายที่รอการทยอยโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) อยู่ในมืออีกกว่า 14,230 ล้านบาท ประกอบด้วยสัดส่วนโครงการแนวราบ 8,890 ล้านบาท และคอนโดฯ 5,340 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยส่งมอบและรับรู้เป็นรายได้เข้ามาในปี 2567 ไม่น้อยกว่า 50% ในส่วนที่เหลือรับรู้ในปี 2568 ต่อไป 

ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ยอดขายดังกล่าวสามารถโอนกรรมสิทธิ์และรับรู้เป็นรายได้แล้ว คาดว่าจะผลักดันให้ในปี 2567 รายได้รวมบริษัทจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ แตะระดับ 26,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 24,682.80 ล้านบาท แบ่งออกเป็นรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการแนวราบ 70%, โครงการคอนโดมิเนียม 25% และรายได้ประจำ 5% เป็นต้น

แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 มองว่ายอดการเยี่ยมชมโครงการ (Site visit) มีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้นกว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน ยอด Booking ก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่ตามมาคือยอดการปฎิเสธสินเชื่อ (Reject rate) ที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน เนื่องจากสถาบันการเงินให้ความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดมาต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีก่อน แต่เชื่อว่ายอดขายของบริษํทจะยังคงทำได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน แม้ยอด Reject rate จะสูงขึ้นเฉลี่ยมาอยู่ที่ราว 10% แต่ก็ยังต่ำกว่าผู้ประกอบการรายอื่นๆ และต่ำกว่าอุตสาหกรรม เพราะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มที่มีกำลังใช้จ่าย มีศักยภาพทางการเงิน

ขณะที่ธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่า ปัจจุบันมีอยู่ 6 อาคาร มีพื้นที่รวมกันกว่า 120,000 ตารางเมตร และมีอัตราการเช่าพื้นที่ (Occupacy rate) อยู่ที่เฉลี่ยกว่า 91% ในปี 2567 บริษัทยังไม่มีแผนที่จะซื้อหรือพัฒนาอาคารสำนักงานให้เช่าแห่งใหม่ แต่จะมีการปรับปรุงและเพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายในอาคาร Shinawatra Tower 3 เดิมให้เป็น "Working space" ที่มีเพิ่ม ขนาด 1,200 ตารางเมตร ซึ่งจะเข้ามาช่วยสร้างรายได้เพิ่มให้กับบริษัทได้ในปีนี้

ด้านธุรกิจโรงแรมในปี 2567 แบรนด์ YANH ปีนี้จะเปิดให้บริการได้เต็มปีเป็นปีแรก ทำให้คาดว่าอัตราการเข้าพักในปี 2567 จะเพิ่มสูงกว่าเมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อนที่ทำได้เฉลี่ย 55% ขณะเดียวกันจะให้ทาง Hitton เข้ามาช่วยบริหารโรงแรม ภายใต้แบรนด์ "KROMO" สุขุมวิท 29 ขนาด 306 ห้อง คาดเปิดให้บริการในไตรมาส 1/2568 และยังมีโรงแรมที่นาจอมเทียน พัทยา ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 1 แห่ง จนาด 161 ห้อง คาดแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี 2568 เป็นต้นไป

ธุรกิจคลังสินค้า ปัจจุบันมีจำนวน 4 แห่ง ได้แก่ บางนา กม.20 ขนาด 80,000 ตารางเมตร, บางนา กม.22 ขนาด 17,000 ตารางเมตร, แหลมฉบัง ขนาด 47,000 ตารางเมตร และนครสวรรค์ ขนาด 16,000 ตารางเมตร ส่งผลให้ขณะนี้บริษัทมีขนาดพื้นที่รวม 144,000 ตารางเมตร โดยในปี 2567 บริษัทมีแผนที่จะลงทุนสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่เพิ่ม ขนาดพื้นที่ไม่น้อยกว่า 50,000 ตารางเมตร

ส่วนการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าในสหรัฐอเมริกานั้น บริษัทยังคงมองหาโอกาสใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันที่มีอพาร์ทเมนท์ให้เช่า 4 แห่งในบอสตัน อัตราการเช่าเฉลี่ยกว่า 94% ใน 3 ตัดเดิม ขณธที่ตึกใหม่ที่เพิ่งได้มาในปลายปีก่อน ในปี 2567 มีแผนที่จะลงทุนปรับปรุงอาคารจากสำนักงานให้เป็นที่พักอาศัย คาดแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี 2568 เป็นต้นไป

งบลงทุนในปี 2567 บริษัทวางไว้ที่ประมาณ 25,000 ล้านบาท หลักๆ เพื่อใช้รองรับในการจัดซื้อที่ดินทำเลศักยภาพแปลงใหม่ และการก่อสร้างโครงการทั้งแนวราบและคอนโดฯ และบางส่วนเพื่อรองรับการลงทุนในการขยายและเพิ่มศักยภาพของธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำให้กับบริษัท