เอสซีจี ยึดกลยุทธ์”รุก-รวดเร็ว” ฝ่าวิกฤติโควิด

30 เม.ย. 2563 | 00:27 น.

เอสซีจี รุกกลยุทธ์เชิงรุก รวดเร็ว เร่งธุรกิจเดินหน้าพาสังคม-คู่ค้า-พนักงานก้าวผ่าน ฝ่าความท้าทายในอนาคต

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เผยว่า ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบจากวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 เอสซีจีก็เป็นหนึ่งองค์กรซึ่งใช้ความพยายามอย่างมากที่จะรักษาผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 ปี 2563 ให้ใกล้เคียงไตรมาสก่อนเพื่อให้สังคม คู่ค้า พนักงาน และธุรกิจ ร่วมก้าวผ่านสถานการณ์อันยากลำบากนี้ไปด้วยกัน ด้วยความทุ่มเทเชิงรุกและรวดเร็วในการบริหารจัดการความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจ (Business Continuity Management) เสริมกับการเตรียมความพร้อมด้วยการปรับกลยุทธ์สู้ศึกดิสรัปชันในช่วงที่ผ่านมาอย่างเข้มข้น ภายใต้การขานรับมาตรการภาครัฐเพื่อรักษาสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด โดยนำศักยภาพด้านเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยให้พนักงานที่สำนักงานกว่าร้อยละ 90 สามารถทำงานได้จากที่บ้าน (Work from home) 

ขณะเดียวกันก็ช่วยให้การบริหารห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ตั้งแต่การผลิตจนถึงการส่งมอบโซลูชันสินค้าและบริการต่าง ๆ ไปยังลูกค้าทุกกลุ่มมีความสะดวกและปลอดภัย ควบคู่กับการมองหาโอกาสใหม่ ๆ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนไปได้ เช่น การขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ หรือการผลักดันการใช้ Blockchain ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง-วางบิล-ชำระเงินกับคู่ธุรกิจได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก ขณะที่ยังรักษาสถานะทางการเงินให้แข็งแกร่งพร้อมเตรียมปรับตัวอย่างเต็มที่ในการรับความท้าทายหากสถานการณ์ยาวนานต่อไป

เอสซีจี ยึดกลยุทธ์”รุก-รวดเร็ว” ฝ่าวิกฤติโควิด

สำหรับธุรกิจแพคเกจจิ้ง สามารถขายสินค้าและบริการด้านบรรจุภัณฑ์ครบวงจรได้ตอบโจทย์และทันต่อความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะจากพฤติกรรมการสั่งอาหารเดลิเวอรี่และการซื้อสินค้าออนไลน์ ด้วยการสร้างความเชื่อมั่นด้านสุขอนามัยในการผลิตและการขนส่งบรรจุภัณฑ์ ซึ่งลูกค้าให้ความใส่ใจอย่างมากในสถานการณ์นี้ได้เป็นอย่างดี ประกอบกับการบริหารจัดการโรงงานในไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย ให้สามารถดำเนินการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของตลาดได้อย่างต่อเนื่องและปลอดภัย อีกทั้งยังมีการวางแผนการขายร่วมกับลูกค้ากลุ่มธุรกิจอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับกระบวนการส่งมอบสินค้าและบริการให้มีความยืดหยุ่น สอดคล้องกับสถานการณ์ แต่ยังคงเสถียรภาพไว้ รวมทั้งการลดข้อจำกัดและอุปสรรคในการดำเนินงาน เพื่อให้ธุรกิจของลูกค้าสามารถเดินหน้าไปได้อย่างต่อเนื่องเช่นกัน

เอสซีจี ยึดกลยุทธ์”รุก-รวดเร็ว” ฝ่าวิกฤติโควิด

ขณะที่ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เร่งพัฒนาช่องทางค้าปลีกออนไลน์ของ SCG HOME ทั้งเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน และโซเชียลมีเดีย ให้เชื่อมโยงและมีประสิทธิภาพ พร้อมบริการจัดส่งทั่วประเทศและบริการให้คำปรึกษาเรื่องบ้านผ่านออนไลน์ ลูกค้าจึงเลือกซื้อสินค้าและรับบริการได้สะดวกโดยไม่ต้องออกจากบ้าน ทำให้ช่องทางนี้มียอดขายเติบโตจากไตรมาสก่อนหลายเท่าตัว ควบคู่กับการเพิ่มมาตรการเชิงรุกด้านสุขอนามัยในการให้บริการติดตั้งและอื่น ๆ รวมทั้งในธุรกิจขนส่งสินค้า ซึ่งเอสซีจี โลจิสติกส์ และเอสซีจี เอ็กซ์เพรส ก็มีมาตรการที่เข้มงวด ตั้งแต่การรับสินค้า การจัดการคลังสินค้า และการจัดส่งสินค้า เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในความปลอดภัยพร้อมให้บริการจัดส่งของสด เช่น ผัก และผลไม้ ทั่วประเทศที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ธุรกิจฯยังได้เผยแพร่องค์ความรู้และมาตรการช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อโควิด-19 ให้พาร์ทเนอร์ในวงการก่อสร้าง ทั้งผู้พัฒนาโครงการ ผู้รับเหมาและช่าง ตลอดจนร้านผู้แทนจำหน่าย เพื่อให้ทุกฝ่ายรอดพ้นวิกฤตไปด้วยกัน

เอสซีจี ยึดกลยุทธ์”รุก-รวดเร็ว” ฝ่าวิกฤติโควิด

ส่วนธุรกิจเคมิคอลส์ มุ่งปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่ผันผวนและท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นการปรับสัดส่วนการขายเม็ดพลาสติกให้สอดคล้องกับตลาดที่เปลี่ยนไป ด้วยจุดแข็งในการมีเครือข่ายลูกค้าในหลายประเทศทั่วโลก จึงสามารถเพิ่มโอกาสทางการขายโดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าที่ความต้องการใช้งานไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เช่น บรรจุภัณฑ์อาหาร และบรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่ง นอกจากนี้ ยังเพิ่มมาตรการเชิงรุกด้านการป้องกันการระบาดของโควิด-19 เพื่อรักษามาตรฐานในการดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่กระบวนการผลิต เช่น การเพิ่มมาตรการที่รัดกุมในการดูแลสุขภาพของพนักงานและคู่ธุรกิจเพื่อให้โรงงานในจังหวัดระยองเป็น ZERO COVID-19 ZONE การบริหารจัดการห่วงโซ่คุณค่าเพื่อให้การส่งมอบสินค้าและบริการแก่ลูกค้าเป็นไปอย่างต่อเนื่องและปลอดภัย ตลอดจนการเดินหน้าพัฒนาสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม นอกจากนี้ ธุรกิจฯ ยังตระหนักถึงสถานการณ์น้ำแล้งในจังหวัดระยองและให้ความร่วมมือกับภาครัฐอย่างเต็มที่ โดยให้ความสำคัญกับการลดการใช้น้ำและการจัดการการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ธุรกิจยังสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างดีที่สุด ทั้งในสถานการณ์ปัจจุบันและในอนาคต

ขณะที่การช่วยเหลือสังคมนั้น เอสซีจีได้นำความเชี่ยวชาญ นวัตกรรม และเทคโนโลยีที่มีอยู่ไปร่วมกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในการเร่งพัฒนานวัตกรรมป้องกันโควิด-19 ที่หลากหลาย ตอบโจทย์ และทันต่อความต้องการ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นกำลังสำคัญในการดูแลประชาชน อาทิ นวัตกรรมห้องตรวจและคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยง (Modular Screening & Swab Unit) โดยเทคโนโลยีของ SCG HEIM และ Living Solution รวมทั้งนวัตกรรมป้องกันโควิด-19 แบบเคลื่อนที่ (Mobile Isolation Unit) โดยธุรกิจเคมิคอลส์ เป็นต้น ซึ่งนอกจากมูลนิธิเอสซีจีจะได้สนับสนุนงบประมาณกว่า 50 ล้านบาท เพื่อนำนวัตกรรมเหล่านี้ไปทยอยส่งมอบให้โรงพยาบาลต่าง ๆ ที่ขาดแคลนแล้ว ยังมีพลังน้ำใจจากผู้ร่วมบริจาคผ่านมูลนิธิต่าง ๆ ที่ช่วยให้ประเทศของเราก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกันอย่างดีที่สุดอีกด้วย