ผ่าอาณาจักร 5 พันล้าน นันยาง "ถ้าลิเวอร์พูลได้แชมป์ จะผลิตรองเท้าผ้าใบสีแดง"
ผ่าอาณาจักร 5 พันล้าน "นันยาง" ท้าผลิตรองเท้าผ้าใบสีแดง ถ้าหงส์แดง ลิเวอร์พูลได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
สร้างความฮือฮาอย่างมากเมื่อเพจเฟซบุ๊ก "นันยาง" ผู้ผลิตรองเท้าชื่อดังของไทย โพสต์ข้อความ "ถ้าลิเวอร์พูลได้แชมป์ จะผลิตรองเท้าผ้าใบสีแดง" ก่อนที่วันนี้ ( 12 พ.ค. ) เวลา : 21.00 น.จะมีการแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดปิดฤดูกาล โดยทีมลิเวอร์พูล จะเปิดบ้านแอนฟิลด์พบกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน เพื่อลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
สำหรับนันยางเริ่มต้นธุรกิจรองเท้าครั้งแรกภายใต้ชื่อ บริษัท วัฒนสินพาณิชย์ จำกัด ซึ่งแรกๆได้นำรองเท้าผ้าใบจากประเทศสิงค์โปร์ ยี่ห้อหนำเอี๊ย รุ่น 500 ผ้าสีน้ำตาล พื้นยางสีน้ำตาล บรรถุงในถุงกระดาษสีน้ำตาล เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ในราคาคู่ละ 12 บาท ก่อนจะเปลี่ยบนชื่อมาเป็น “นันยาง” โดยได้จดทะเบียนการค้า “นันยาง ตราช้างดาว” กับกระทรวงพาณิชย์ในปีพ.ศ. 2492
ก่อนที่นายวิชัย ซอโสตถิกุล เจ้าของจะตัดสินใจซื้อกิจการและกรรมวิธีการผลิตที่ทันสมัยจากสิงคโปร์ ก่อตั้ง บริษัท ผลิตยางนันยาง (ไทย) จำกัด บนเนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ เรียบถนนเพชรเกษม แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ เพื่อเป็นฐานการผลิตรองเท้านันยางในประเทศไทย โดยมีช่างรองเท้าชาวสิงค์โปร์จำนวน 30 คน เดินทางโดยเรือมาจากสิงคโปร์ไปมาเลเซีย และนั่งรถไฟต่อมาถึงกรุงเทพฯ และเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2496 รองเท้าผ้าใบนันยางได้เริ่มสายการผลิตในประเทศไทย ซึ่งในวันนั้นสามารถผลิตรองเท้าได้ 70 คู่ พร้อมคำว่า “Made in Thailand” ที่ถูกประทับคู่กับโลโก้ “นันยางตราช้างดาว” เป็นครั้งแรก จากนั้นในปี พ.ศ. 2499 ได้ถือกำเนิด รองเท้าแตะตราช้างดาว รุ่น 200 สองสีคือ สีน้ำตาลและสีน้ำเงิน ใส่ในถุงพลาสติกใส ราคาคู่ละ 15 บาท
ปีพ.ศ. 2500 ครบรอบ 25 นันยาง นายเพียรศักดิ์ ซอโสตถิกุล บุตรชายคนโตของวิชัย ซอโสตถิกุล กลับมาจากประเทศอังกฤษ ต้องการผลิตรองเท้านันยางสำหรับแบดมินตันโดยเฉพาะ จึงได้พัฒนารองเท้าที่ใช้รหัสในการผลิตว่า 205-S โดยเป็น รองเท้าพื้นสีเขียว ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักแบดมินตันชาวไทย
จนกระทั่งขยายตัวไปยังกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ข้าราชการ นักกีฬา กิจกรรมผจญภัย ตลอดจนงานในด้านอุตสาหกรรม โรงงาน การขนส่ง การเกษตร หรือผู้มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษ จนมีสินค้าเลียนแบบจำนวนมาก เมื่อ พ.ศ. 2537 นันยางตัดสินใจเพิ่มโลโก้ “Nanyang” ลงบนรองเท้าเพื่อตอกย้ำให้ผู้บริโภคทราบว่าใส่รองเท้านันยางเท่านั้น
กระทั่งวันที่ 28 เมษายน 2512 ได้ก่อตั้ง บริษัท นันยางอุตสาหกรรม จำกัด ขึ้น และ บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ในพ.ศ. 2522 โดยย้ายสำนักงานใหญ่จากแยกตลาดน้อย มาบริเวณถนนสี่พระยา เขตบางรัก จนถึงทุกวันนี้
ธุรกิจรองเท้านันยางเติบโตอย่างต่อเนื่อง และได้แตกแขนงลงทุนในธุรกิจอื่นๆในนาม “กลุ่มซีคอน” (Seacon Group) ภายใต้การดูแลของทายาทธุรกิจรุ่นที่ 2 ของ ตระกูลซอโสตถิกุล ได้แก่ เพียรศักดิ์-กอบชัย-พรพรรณ-พรศักดิ์-พูนศักดิ์-ธวัชชัย-เกริกชัย-ศิรินทร-พรจันทร์ ผสมผสานกับการบริหารจัดการของทายาทรุ่นที่ 3 ได้ขยายกิจการต่อเนื่อง มีธุรกิจหลากหลายเพิ่มขึ้น เช่น ธุรกิจโรงแรมระดับ 5 ดาว ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่กรุงเทพฯและภูเก็ต รวมถึงธุรกิจงานสถาปนิกและตกแต่ง เป็นต้น
ปัจจุบันธุรกิจของ“เครือซีคอน” หรือ “SEACON GROUP” ประกอบด้วย 1. รองเท้านันยาง 2. ผงชูรส ไทยชูรส ตราชฎา 4. ศูนย์สรรพสินค้า ซีคอนสแควร์ 5. ศูนย์สรรพสินค้า ซีคอนบางแค 6. โรงแรมเรเนซองส์ ภูเก็ต รีสอร์ทแอนด์สปา 7. เอราวัณนา ที่พักอาศัยระดับพรีเมี่ยม จ.ภูเก็ต 8. ดิ เอสเตท ทาวน์โฮมย่านอ่อนนุช 9. ดิ เอดิชั่น โครงการบ้านเดี่ยวคุณภาพระดับไฮเอนด์
"ฐานเเศรษฐกิจ" ตรวจสอบข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์พบว่า อาณาจักรซีคอน ในปัจจุบันปี 2561 มีสินทรัพย์กว่า 5 พันล้านบาท มี 4 บริษัทที่สร้างรายได้หลัก ประกอบด้วย พบว่า
บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด สินทรัพย์รวม 450.95 ล้านบาท รายได้ 1,106.5 ล้านบาท
บริษัทนันยางอุตสาหกรรม จำกัด สินทรัพย์รวม 1,892.98 ล้านบาท รายได้รวม 1,005.58 ล้านบาท
บริษัท ไทยชูรส จำกัด สินทรัพย์รวม 732.92 ล้านบาท รายได้รวม 1,080.37 ล้านบาท
และ บริษัท ซีคอน โฮเทลแอนด์รีสอร์ท จำกัด สินทรัพย์รวม 1,171.23 ล้านบาท รายได้รวม 498.30 ล้านบาท
