งามด้วยมิตรไมตรี มนต์เสน่ห์เกาะกลาง

04 ก.ย. 2559 | 08:00 น.
หลายคนอาจจะคิดว่าการไปเที่ยวที่จังหวัดกระบี่ มีเพียงแค่ทะเลสีฟ้าคราม สวยสดใสภูเขารูปลักษณะสวยงามแปลกตาเพียงเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายสถานที่น่าสนใจชวนให้สัมผัส โดยเฉพาะในเรื่องของการท่องเที่ยววิถีชีวิตชุมชน ซึ่งมีความน่าประทับใจมากหากว่าได้ไปสัมผัส เรียนรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์และสิ่งที่เป็นไฮไลต์ที่สุดของการท่องเที่ยวชุมชนของจังหวัดกระบี่ ก็คือ “ชุมชนเกาะกลาง” ต.คลองประสงค์ อ.เมือง จ.กระบี่ เกาะเล็กๆ ที่เปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์วิถีชีวิตชุมชนที่เรียบง่าย และยังคงรักษาเอกลักษณ์ท้องถิ่นไว้อย่างดี ห้อมล้อมไปด้วยป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์กลางแม่น้ำกระบี่ การเดินทางอาศัยเรือหางยาว หรือเรือหัวโทง ข้ามฟากจากท่าเรือเจ้าฟ้า (ตัวเมือง)

[caption id="attachment_93246" align="aligncenter" width="500"] อาชีพเกษตรกรรม อาชีพเกษตรกรรม[/caption]

ใช้เวลาประมาณ 10นาที ก็จะถึงท่าเรือท่าหิน (เกาะกลาง)ชุมชนแห่งนี้ประกอบไปด้วย 3 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านเกาะกลาง บ้านคลองประสงค์ และบ้านคลองกำ ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามประมาณ 90%มีการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ประมง และรับจ้างทั่วไป ความโดดเด่นของชุมชนเกาะกลาง คือ ภูมิปัญญา และวิถีชีวิตชุมชนที่พึ่งพาอาศัย และผูกพันสอดคล้องระหว่างคนในชุมชนกับทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในพื้นที่ ผ่านกิจกรรมที่นักท่องเที่ยว และผู้ที่มาเยือนสามารถเรียนรู้และมีส่วนร่วมได้ เช่น การทำประมงพื้นบ้าน การทำนาข้าว การทำเรือหัวโทงจำลอง การทำผ้าปาเต๊ะ นอกจากนี้ สิ่งที่ทำให้ชุมชนเกาะกลางยังคงความสวยงาม และมีเสน่ห์ก็คือ วิถีชีวิต และวัฒนธรรมของชุมชนมุสลิมที่รักสันติ สงบ และเรียบง่าย มิตรภาพและน้ำใจไมตรีชาวบ้านชุมชนเกาะกลางใช้วิถีชีวิตพอเพียง อยู่ได้อย่างยั่งยืน และมีความสุข สามารถทำมาหากินได้ทุกวัน มีอาหารอย่างอุดมสมบูรณ์ โดยที่ไม่ต้องซื้อ ส่วนที่เหลือก็นำมาแบ่งขายได้ ซึ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน

[caption id="attachment_93244" align="aligncenter" width="500"] ชุมชนเกาะกลาง ชุมชนเกาะกลาง[/caption]

เมื่อเราเดินทางเข้าไปสัมผัสก้าวย่างแรกก็คือกลิ่นอายของวิถีชีวิตชุมชนของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมชายฝั่งทะเล และการรวมกลุ่มกันของชาวบ้านในการทำกิจกรรมต่างๆ อาทิ กลุ่มผ้าปาเต๊ะซึ่งเป็นกลุ่มแม่บ้านที่มารวมกลุ่มกันเพื่อผลิตผ้าปาเต๊ะส่งขายเป็นการหารายได้เสริมให้กับครอบครัว หากมาที่นี่จะได้เรียนรู้ขั้นตอนการผลิตผ้าปาเต๊ะตั้งแต่เริ่มต้นจากผ้าสีขาวผืนใหญ่ นำมาปั๊มลายด้วยเทียน แล้วนำมาขึงบนเฟรม แต้มสีสันลงไปบนลวดลายให้งดงาม สามารถสร้างรายได้ให้แก่กลุ่มชาวบ้านได้อย่างดีจากนั้นขึ้นรถสามล้อพ่วงมาต่อกันที่กลุ่มผลิตเรือหัวโทง เป็นเรือที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นเพื่อเป็นของที่ระลึก และสืบสานเรือหัวโทงให้ยังคงอยู่ต่อไป ซึ่งหากท่านเข้ามาเรียนรู้ที่นี่ ก็จะได้ทดลองประดิษฐ์ด้วยตัวเอง พร้อมซื้อเป็นของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านไปด้วย และจุดสุดท้ายที่โรงเรียนชาวนา ทดลองดำนาปลูกข้าวสังข์หยด โอบล้อมด้วยลมเย็นๆ และวิวทิวทัศน์เขียวขจีเหนือคำบรรยายซึ่งข้าวสังข์หยดบ้านเกาะกลางแห่งนี้ เป็นข้าวนาปีที่ปลูกกันปีละครั้ง มีคุณค่าทางอาหารสูง และยังเป็นข้าวอินทรีย์ที่มีคุณภาพ ตั้งแต่กระบวนการปลูก การเก็บเกี่ยว และการสีข้าว ก็ทำกันบนเกาะ ด้วยมือของชาวบ้านเอง ข้าวสังข์หยดที่ปลูกที่นี่จึงมีจำนวนจำกัด เพราะชาวบ้านปลูกไว้กินเอง มีขายบ้างก็เฉพาะบนเกาะ ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 100 บาทเท่านั้นปิดท้ายด้วยการทานอาหารทะเลริมฝั่ง สดๆจากกระชัง รสชาติเข้มข้น จากพ่อครัวท้องถิ่น ที่นักท่องเที่ยวต่างแวะเวียนมาชิมลิ้มรสจนแน่นร้าน ถึงแม้ว่าชุมชนเกาะกลาง จะอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองกระบี่มีเพียงแม่น้ำกระบี่กั้นกลาง แต่ความแตกต่าง และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ที่นี่คือบทสรุปของคำว่า พอดี และพอเพียงอย่างแท้จริง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,189 วันที่ 4 - 7 กันยายน พ.ศ. 2559