ชี้เทรนด์เดบิตซื้อสินค้าพุ่ง แบงก์มั่นใจลูกค้าทยอยเปลี่ยนเป็น ‘ชิปการ์ด’ ครบปี62

03 ก.ย. 2559 | 02:00 น.
แบงก์ส่งสัญญาณปริมาณใช้บัตรเดบิตรูดซื้อสินค้าเพิ่ม/ผู้บริโภคตบเท้าเปลี่ยน“ชิปการ์ด” ตามนโยบายธปท.กระเตื้อง-มั่นใจปี 62 ครบ 100% ด้าน “กสิกรไทย”เผยลูกค้าเปลี่ยนบัตรเฉลี่ย 3 แสนใบต่อเดือน ดันยอดใช้จ่ายครึ่งปีครองแชมป์โต38% คาดสิ้นปีแตะ 5.5 หมื่นล้านใบ “สแตนชาร์ต” ชู 3 ปัจจัยชี้ทิศการจ่ายเงิน“ความสะดวก-สมาร์ทโฟน-อินเตอร์เน็ต”เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคสู่ยุคดิจิตอล

[caption id="attachment_92740" align="aligncenter" width="700"] ยอดเปลี่ยนบัตรเดบิตชิปการ์ด ยอดเปลี่ยนบัตรเดบิตชิปการ์ด[/caption]

นางนพวรรณ เจิมหรรษา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (บมจ.) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทย กำหนดให้ธนาคารออกบัตรเดบิตชิปการ์ดแทนบัตรเดบิตแถบแม่เหล็ก เพื่อความปลอดภัยมากขึ้นนับตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2559 เป็นต้นมา โดยสิ้นเดือนมิถุนายนกสิกรไทยมียอดลูกค้าที่เข้ามาเปลี่ยนบัตรเป็นชิปการ์ดแล้วประมาณ 7.5 แสนใบ เฉลี่ยลูกค้าเข้ามาเปลี่ยน 3 แสนใบต่อเดือน ซึ่งจำนวนดังกล่าวถือว่าลูกค้ามีความเข้าใจและให้ความสนใจในเรื่องของความปลอดภัยมากขึ้น ทำให้ยอดการเข้ามาเปลี่ยนบัตรมีการเคลื่อนไหว (แอกทีฟ) มากขึ้นจากช่วงที่ทางการประกาศให้เปลี่ยนบัตรในช่วงแรก

ทั้งนี้ ทุกปีธนาคารจะมียอดบัตรเดบิต-เอทีเอ็มหมดอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 1 ล้านใบ ซึ่งคาดว่าสิ้นปีนี้จะมียอดการเปลี่ยนเดบิตเป็นบัตรชิปการ์ดที่ 2 ล้านใบ จากฐานบัตรเดบิตอยู่ที่ 10.5 ล้านใบ โดยการเปลี่ยนบัตรชิปการ์ดจะทยอยครบตามเป้าที่ทางการตั้งไว้ทั้งหมดในปี 2562

"การเปลี่ยนบัตรเดบิตจากแถบแม่เหล็กมาเป็นชิปการ์ด ถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการระบบการชำระเงินแห่งชาติ หรือ National e-Payment เพื่อความปลอดภัย ซึ่งหากดูจากจำนวนลูกค้าที่เข้ามาเปลี่ยนถือว่าลูกค้าแอกทีฟมีความกระตือรื้อร้นที่จะมาเปลี่ยนมากขึ้น คาดว่าภายในสิ้นปียอดเปลี่ยนน่าจะแตะ 2 ล้านใบ"

สำหรับสัดส่วนการกดเงินสดผ่านบัตรยังอยู่ในระดับสูง แต่แนวโน้มการใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิต (Spending) มีทิศทางที่เพิ่มขึ้นเป็น 10%จากอดีตมีเพียง 3% และสะท้อนทิศทางจะเติบโตเพิ่มขึ้นในอัตราเลข 2 หลัก โดยยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรทั้งระบบในช่วงครึ่งแรกของปีอยู่ที่ 6.68 หมื่นล้านบาท จากฐานบัตรเดบิตและเอทีเอ็มอยู่ที่ 61 ล้านใบ แบ่งเป็นเดบิต 48 ล้านใบ และเอทีเอ็ม 13 ล้านใบ ซึ่งการใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตถือเป็นสัดส่วน 5% เมื่อเทียบการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ทำให้มีโอกาสขยายตัวอีกมาก

ในส่วนกสิกรไทยยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตอยู่ที่ 2.5 หมื่นล้านบาท เติบโต 38% เป็นผู้นำตลาด แบ่งเป็นสัดส่วนการใช้จ่ายผ่านเครื่องรูดบัตรประมาณ 14-15% และผ่านออนไลน์ประมาณ 30%ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าเติบโตยอดใช้จ่ายผ่านบัตรอยู่ที่ 25% คิดเป็นเม็ดเงิน 5.5 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 4.5-4.6 หมื่นล้านบาท และตั้งเป้าเพิ่มฐานบัตรเป็น 11 ล้านใบ จากปัจจุบันอยู่ที่ 10.5 ล้านใบขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมบัตรเดบิตตั้งเป้าเติบโต 10% ส่วนใหญ่จะมาจากการเปลี่ยนบัตรใหม่

"คนไทยหันมาใช้บัตรเดบิตใช้จ่ายมากขึ้น และยิ่งภาครัฐมีโครงการอีเพย์เมนต์จะยิ่งช่วยกระตุ้นยอดใช้จ่ายผ่านบัตร ซึ่งไตรมาสที่ 3 ภาครัฐจะมีวางจุดพื้นที่หรือร้านค้ารับบัตรชัดขึ้น"

สอดคล้องกับนางอรรัตน์ ชุติมิต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบุคคลธนกิจ บมจ.ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) กล่าวว่า ธนาคารมีจำนวนฐานบัตรเดบิตทั้งหมดประมาณ 2 แสนใบ โดยเป็นบัตรเดบิตชิปการ์ด ราวๆ 6,000 -7,000 ใบ ซึ่งผู้ถือบัตรยังสามารถถือบัตรแถบแม่เหล็กเดิมได้จนกว่าบัตรจะหมดอายุ เพื่อเป็นการช่วยลูกค้าในการจำกัดค่าธรรมเนียมรายปี สำหรับประเด็นด้านความปลอดภัยนั้น ธนาคารฯ มองว่าผู้ถือบัตรควรใช้บัตรอย่างระมัดระวังไม่ว่าจะประเภทใดก็ตาม ไม่ควรปล่อยให้คลาดสายตา และควรหมั่นตรวจสอบยอดเงินในบัญชีอยู่เสมอ

ทั้งนี้ แนวโน้มในระยะข้างหน้าการจ่ายเงินกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งปัจจัยสำคัญมาจาก 1. การเสริมสร้างความสะดวกในการให้บริการ และ 2.การให้ลูกค้าสามารถใช้จ่ายได้หลากหลายช่องทาง ฐานข้อมูลของธนาคารระบุว่าปัจจุบันกว่า 50% ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนทั่วโลกอยู่ในทวีปเอเชีย และในปี 2568 ทวีปแอฟริกาจะมีผู้ใช้อินเตอร์เน็ททั้งหมดกว่า 600 ล้านคน ตัวเลขนี้สะท้อนตลาดผู้บริโภคกำลังเข้าสู่ยุคดิจิตอลอย่างรวดเร็ว ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดจึงมุ่งพัฒนาการให้บริการเพื่อตอบสนองพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ปรับเปลี่ยนตามความสามารถของเทคโนโลยีที่วิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว

นายณรงค์ ศรีจักรินทร์ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด Wealth Segment, Products & Retail Banking Solutions บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ปัจจุบันธนาคารมีฐานลูกค้าบัตรเดบิตอยู่ 11 ล้านใบ มีลูกค้าเข้ามาเปลี่ยนบัตรเป็นชิปการ์ดแล้วทั้งสิ้น 1.4 ล้านใบ คาดว่าลูกค้าจะทยอยเข้ามาเปลี่ยนบัตรใหม่ รวมถึงการสมัครบัตรใหม่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ธนาคารจะออกหน้าบัตรเดบิตใหม่ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้มียอดสมัครบัตรเดบิตเข้ามาเพิ่มขึ้น โดยทั้งปีธนาคารตั้งเป้าออกบัตร เดบิตใหม่อยู่ที่ 4.5 ล้านใบ จากในช่วง 6 เดือนแรกออกบัตรใหม่ไปแล้วจำนวน 2 ล้านใบ คาดว่าหลังธนาคารมีกลยุทธ์ออกหน้าบัตรใหม่ในช่วงที่เหลือจะช่วยให้ทั้งปีเป็นไปตามเป้าหมาย

ขณะที่ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิต ธนาคารมองแนวโน้มจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี ประกอบกับภาครัฐมีการกระตุ้นผ่านโครงการอีเพย์เมนต์ โดยเพิ่มการวางจุดรับบัตร จะช่วยให้ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรและการออกบัตรใหม่มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นทั้งระบบไม่เฉพาะธนาคารไทยพาณิชย์เท่านั้น อย่างไรก็ดี ธนาคารตั้งเป้ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตทั้งปีอยู่ที่ 2.5 หมื่นล้านบาท คิดเป็นการเติบโตอยู่ที่ 15%

นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารจัดการทางการเงินเพื่อธุรกิจ บมจ.ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า กรุงไทยออกบัตรชิปจำนวนบัตรชิปการ์ดออกใหม่จำนวน 1.9 ล้านใบ จากฐานบัตรรวม ณ กรกฎาคม อยู่ที่ 13.5 ล้านใบ แบ่งเป็น บัตรเอทีเอ็มจำนวน 5 ล้านใบ และบัตรเดบิตอีก 8.5 ล้านใบ โดยจำนวนบัตรแม่เหล็กที่จะหมดอายุ และคาดว่าจะถูกเปลี่ยนเป็นบัตรชิปการ์ดในปี 2559 อยู่ที่ 2.8 แสนใบ ปี 2560 อยู่ที่ 8.9 แสนใบ ปี 2561 อยู่ที่ 9.9 แสนใบ และในปี 2562 อยู่ที่ประมาณ 3.32 ล้านใบ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,187 วันที่ 1 - 3 กันยายน พ.ศ. 2559