ไต้หวันฟรีวีซ่าเพิ่มอีก 6 ประเทศ ดีเดย์1 กันยาบูมเซาธ์อีสต์เอเชีย

02 ก.ย. 2559 | 09:00 น.
ไต้หวันเปิดแนวรุกชิงทัวริสต์อาเซียน ดีเดย์ 1 กันยายนนี้ฟรีวีซ่าให้อีก 6 ประเทศในเซาธ์อีสต์เอเชียทั้งวาง 5 กลยุทธ์บูมตลาด โฟกัสอินเดีย กลุ่มประเทศมุสลิม ผู้สูงอายุรวมถึงให้ภาคธุรกิจ เพิ่มคุณภาพในการให้บริการหวังเจาะจีนไฮเอนต์ ชี้หลังเปิดฟรีวีซ่าให้ไทย กระแสตอบรับดี การท่องเที่ยวไต้หวัน คาดนักท่องเที่ยวไทยจะเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า ภายใน 2 - 3 ปี เผยมี 4 ปัจจัยเอื้อการเดินทางและตลาดไมซ์

[caption id="attachment_92708" align="aligncenter" width="335"] แซมมี่ คาโรลุส  ผู้จัดการใหญ่ โรงแรม แกรนด์ไฮแอท ไทเป แซมมี่ คาโรลุส
ผู้จัดการใหญ่ โรงแรม แกรนด์ไฮแอท ไทเป[/caption]

นายแซมมี่ คาโรลุส ผู้จัดการใหญ่ โรงแรม แกรนด์ไฮแอท ไทเป เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าปัจจุบันรัฐบาลไต้หวันมีนโยบายฟรีวีซ่า หรือการเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องขอตรวจลงตรา (วีซ่า)ให้นักท่องเที่ยวจาก 48 ประเทศ ซึ่งรวมถึง ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยประเทศไทยและบรูไน เป็นประเทศที่เพิ่งมีฟรีวีซ่าตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2559 เป็นต้นมา

ขณะเดียวกันรัฐบาลไต้หวันยังได้ออกนโยบายฟรีวีซ่า ให้กับประเทศอื่นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพิ่มเติมอีก 6 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย เวียดนาม กัมพูชา เมียนมา ลาว และ ฟิลิปปินส์ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2559 เป็นต้นด้วย ซึ่งไม่เพียงแต่นโยบายเรื่องฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยว ทางไต้หวัน ยังมีการออกนโยบายใหม่ ๆ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศโดยทางรัฐบาล และ Taiwan Tourism Bureau ได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านกลยุทธ์ทางการตลาดใน 5 เรื่อง ได้แก่ การเจาะกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวจาก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น อินโดนีเซีย ไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และยังรวมถึง อินเดีย

นอกจากนี้ยังเจาะกลุ่มประเทศมุสลิม โดยมุ่งเน้นการโปรโมตผ่านองค์กรที่ได้รับใบอนุญาตมาตรฐานอาหารฮาลาล ทั้งยังเน้นโปรโมตท่องเที่ยวบนเรือสำราญที่แวะตามจุดท่องเที่ยวสำคัญ ๆ อีกทั้งยังมุ่งเน้นการเพิ่มตลาดนักท่องเที่ยวระดับสูงจาก จีน โดยเน้นให้บริษัททัวร์ สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ร้านค้า และโรงแรม เพิ่มคุณภาพในการให้บริการมากขึ้น และการให้ความสำคัญกับการอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวสูงอายุ

นายคาโรลุส ยังกล่าวต่อว่า ในส่วนของตลาดนักท่องเที่ยวไทย ในปีที่ผ่านมามีคนไทยเดินทางไปเที่ยวไต้หวัน จำนวน 1.24 แสนคน เฉลี่ยมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 200 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อคน หรือประมาณ 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปีจากจำนวนนักท่องเที่ยวไทยทั้งหมด หรือราว 850 ล้านบาท และข้อมูลจาก Taiwan Tourism Bureau คาดการณ์ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจากไทยจะเพิ่มขึ้น 36% ในปีนี้และอาจจะเพิ่มขึ้นถึง 4เท่า ภายใน 2 - 3 ปี ทั้งนี้หลังจากนโยบายฟรีวีซ่า สำหรับคนไทย เนื่องจากพบว่ามีการตอบรับเป็นไปในทางที่ดีมาก โดยในกลุ่มนักท่องเที่ยวชายไทย ไต้หวันมีภาพลักษณ์ที่ทั้งปลอดภัย บ้านเมืองสะอาด อาหารอร่อย และธรรมชาติที่สวยงาม รวมทั้งเป็นเมืองสำหรับการช็อปปิ้งที่ไม่แพงมาก

ส่วนแผนในการดึงตลาดนักท่องเที่ยวไทย ทางภาคธุรกิจโรงแรมในไต้หวัน มองโอกาสจากนโยบายฟรีวีซ่าไว้ว่าจะเป็นปัจจัยหลักที่จะดึงนักท่องเที่ยวชาวไทยและตลาดไมซ์ (มีตติ้ง-อินเซนทีฟ-คอนเวนชัน และเอ็กซิบิชัน) มายังไต้หวัน มี 4 ปัจจัยบวก ได้แก่ 1. ภาษีที่ถูกกว่า เมื่อเทียบกับญี่ปุ่น ฮ่องกง และไทย ซึ่งน่าจะทำให้นักท่องเที่ยวไทยใช้จ่ายในการซื้อของที่ไต้หวันมากขึ้น 2. ค่าตั๋วโดยสารของสายการบินที่ถูก เพราะไต้หวันอยู่ใกล้ประเทศไทย และระยะเวลาในการเดินทางสั้น ซึ่งจะทำให้ไต้หวันเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เมื่อเทียบกับการไปเที่ยว ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และ ฮ่องกง 3. ชื่อเสียงในเรื่องของอาหารที่ไต้หวัน ซึ่งมีทั้งอาหารประเภท Fine dining และอาหารแบบสตรีตฟูด และ 4. วัดต่าง ๆในไต้หวันมีชื่อเสียงมากมายสำหรับนักท่องเที่ยวชาวพุทธ อาทิ วัดหลงซานที่เก่าแก่ถึง 278 ปี และวัดเปาอัน อายุราว 274 ปี หรือวัด City God เซียไฮ่ อายุ 157 ปี ซึ่งวัดต่างๆเหล่านี้ มีชื่อเสียงในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยอยู่แล้ว

อย่างไรก็ดีจุดขาย โรงแรมแกรนด์ไฮแอท ไทเป เป็นโรงแรมขนาดใหญ่ที่สุด มีจำนวนห้องพักทั้งหมด 853 ห้อง ตั้งอยู่ในทำเลทอง ตรงข้ามตึก ไทเป 101 ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญของเมืองไทเป และยังตั้งอยู่ในเขตซินยี่ ซึ่งเป็นแหล่งรวมร้านค้า ๆ เป็นจำนวนมาก เหมาะสำหรับลูกค้ากลุ่มไมซ์และนักท่องเที่ยว ซึ่งในปีนี้โรงแรมมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 70% และคาดหวังว่าจะมากขึ้นในปีถัดไป โดยในส่วนของนักท่องเที่ยวชาวไทยปัจจุบันยังมาเข้าพักที่โรงแรมแกรนด์ไฮแอท ไทเป ยังไม่มาก แต่ทางโรงแรมตั้งใจที่จะเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยและลูกค้ากลุ่มไมซ์จากไทย โดยคาดหวังว่าจะมีคนไทยเข้าพักมากขึ้นถึง 200% ในปีหน้า

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,188 วันที่ 1 - 3 กันยายน พ.ศ. 2559