ราชบุรีโฮลดิ้ง ดันการเติบโตจากธุรกิจใหม่และเพิ่มลงทุนต่างประเทศ 

09 ส.ค. 2559 | 07:16 น.
บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) แถลงวันนี้ว่า การสร้างการเติบโตของบริษัทฯ นับจากนี้จะมาจากการขยายเข้าสู่ธุรกิจใหม่นอกจากการผลิตไฟฟ้าและพลังงาน และการลงทุนเพิ่มในต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญในแผนยุทธศาสตร์ของบริษัทฯ โดยมีเป้าหมายเพิ่มกำลังผลิตเทียบเท่าให้ได้ 10,000 เมกะวัตต์ ในปี 2566 ซึ่ง 20% ของเป้าหมายดังกล่าวกำหนดให้เป็นเป้าหมายการเติบโตของพลังงานทดแทน เพื่อตอบสนองนโยบายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศในทางหนึ่งด้วย สำหรับ ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก (1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2559) บริษัทฯ มีกำไรสำหรับงวด 2,360 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.3% จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว

นายรัมย์ เหราบัตย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทิศทางการเติบโตของบริษัทฯ ตามแผนธุรกิจใหม่ จะเน้นที่การสร้างการเติบโต การรักษาฐานที่มั่นเดิม และการพัฒนาขีดความสามารถขององค์กร สำหรับกลยุทธ์สร้างการเติบโตจะมุ่งแสวงหาตลาดใหม่เพื่อการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ตลอดจนการขยายเข้าสู่ธุรกิจใหม่ ส่วนการรักษาฐานที่มีกิจการแล้ว ได้แก่ ประเทศไทย สปป. ลาว และออสเตรเลีย นอกจากจะให้ความสำคัญกับการรักษาความสามารถในการทำกำไรของโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องแล้ว ยังมองหาโอกาสขยายและต่อยอดธุรกิจเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มด้วย ด้านการพัฒนาขีดความสามารถขององค์กร จะให้น้ำหนักมากที่การบริหารความเสี่ยงโครงการ เพราะการลงทุนในต่างประเทศของบริษัทฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

“ตลาดใหม่ที่มีศักยภาพและเป็นเป้าหมายของบริษัทฯ ที่จะขยายการลงทุนจะอยู่ในต่างประเทศ โดยจัดแบ่งออกเป็น      3 กลุ่ม คือ ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะให้ความสำคัญกับประเทศเมียนมาร์ และกัมพูชา เพราะช่วยเอื้อประโยชน์ต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าของประเทศด้วย กลุ่มประเทศอาเซียน จะเน้นที่อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม และกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ ญี่ปุ่น และจีน ทั้งนี้ บริษัทฯ มีโครงการโรงไฟฟ้าและธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่กำลังเจรจาและศึกษาความเหมาะสมการลงทุนในประเทศเป้าหมายเหล่านี้แล้ว ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงหลัก พลังงานทดแทน และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ซึ่งคาดว่าหลายโครงการจะได้ข้อสรุปชัดเจนในปีนี้ ส่วนฐานธุรกิจเดิมในประเทศไทย สปป. ลาว และออสเตรเลีย ได้ทุ่มความพยายามขยายการลงทุนเพิ่ม โดยเฉพาะโครงการพลังงานทดแทน และธุรกิจใหม่อื่นๆ ในประเทศไทย บริษัทฯ ได้ตัดสินใจเข้าร่วมแข่งขันประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพู เพราะเป็นธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานที่ต้องใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรมและไฟฟ้าควบคู่กัน ซึ่งบริษัทมีบุคลากรพร้อมอยู่แล้ว บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า แนวทางนี้จะสามารถผลักดันให้บริษัทฯ บรรลุเป้าหมาย 10,000 เมกะวัตต์เทียบเท่าที่วางไว้อย่างแน่นอน”  นายรัมย์ กล่าว

ผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี 2559 บริษัทฯ รับรู้กำลังผลิตใหม่เพิ่มขึ้น 329.49 เมกะวัตต์ จากโครงการโรงไฟฟ้าหงสาหน่วยที่ 3 (250.4 เมกะวัตต์) โครงการผลิตไฟฟ้านวนคร (55.65 เมกะวัตต์) และ บริษัท ผลิตไฟฟ้าลาว มหาชน (23.44 เมกะวัตต์) โครงการที่กำลังก่อสร้าง 4 โครงการ กำลังผลิตรวม 359 เมกะวัตต์ มีความก้าวหน้าตามแผนงาน ส่วนผลประกอบการในครึ่งปีแรกเป็นที่น่าพอใจ เพราะส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในกิจการร่วมทุนในครึ่งปีแรก เพิ่มขึ้น 121% เป็นจำนวน 1,236 ล้านบาท และรายได้จากต่างประเทศมีแนวโน้มเติบโตสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์โดยในครึ่งปีแรกนี้มีสัดส่วน 8% ของรายได้รวม คิดเป็นจำนวน 2,091 ล้านบาท จากปีที่แล้วที่มีสัดส่วนเพียง 4%

สำหรับผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือน ปี 2559 บริษัทฯ มีรายได้จำนวน 27,399 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นรายได้ค่าขายไฟจากโรงไฟฟ้าราชบุรีและไตรเอนเนอจี้จำนวน 24,323 ล้านบาท ส่วนต้นทุนและค่าใช้จ่ายรวม มีจำนวน 23,879 ล้านบาท ลดลง 12% ฐานะการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2559 มีสินทรัพย์รวมจำนวน 95,352 ล้านบาท หนี้สินจำนวน 34,280 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 61,072 ล้านบาท และกำไรสะสมจำนวน 46,615 ล้านบาท

ปัจจุบัน บริษัทฯ รับรู้กำลังการผลิตตามการถือหุ้นรวม 6,980 เมกะวัตต์ ประกอบด้วยกำลังผลิตในประเทศไทย  4,948.59 เมกะวัตต์ (71% ของกำลังผลิตทั้งหมด) และต่างประเทศ (สปป. ลาว ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และจีน) 2,031.42 เมกะวัตต์ (29%) หากแบ่งการรับรู้กำลังผลิตตามประเภทเชื้อเพลิง บริษัทฯ มีกำลังผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล รวม 6,085.97 เมกะวัตต์ (87.19%ของกำลังผลิตทั้งหมด) และกำลังผลิตจากพลังงานทดแทนและพลังงานสะอาด รวม 894.04 เมกะวัตต์ (12.85%) ทั้งนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังผลิตจากพลังงานทดแทนและพลังานสะอาดให้ได้ 20% หรือประมาณ 2,000 เมกะวัตต์ ของกำลังผลิตเป้าหมาย 10,000 เมกะวัตต์ ในปี 2566