กองทุนหุ้นขนาดกลาง-เล็ก มาแรง บลจ.กรุงศรีฯ มองราคายังลงทุนได้ พร้อมโชว์ผลตอบแทน 16% เปิดทีเด็ดหุ้นในพอร์ต บลจ.กรุงไทยฯ ทำได้ 25% ชนะตลาดไม่เห็นฝุ่นกองทุนทิสโก้ มิด/สมอลแคป ผลตอบแทนสะสม 3 ปี ทำกำไร 43% อวดกลยุทธ์คัดสรรหุ้นเล็กรายตัวใน SET และmai เหลือระดับหัวกะทิ 15-20 บริษัท
นางสุภาพร ลีนะบรรจง รักษาการประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)กรุงศรี จำกัด เปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ"ว่าในสถานการณ์ที่เงินทุนเคลื่อนย้าย(ฟันด์โฟลว์) ไหลเข้าตลาดหุ้นไทย ทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 1,500 จุด จนหุ้นขนาดใหญ่หรือบิ๊กแคปบางตัวราคาค่อนข้างแพงนั้น ในมุมมองของบลจ.กรุงศรี เห็นว่าหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก (Mid-Small Cap )บางกลุ่มน่าสนใจลงทุนมากกว่าหุ้นขนาดใหญ่
หุ้นขนาดกลางและเล็กที่น่าสนใจลงทุน เช่น กลุ่มการเงิน ท่องเที่ยว และค้าปลีก โดยจะเห็นได้จากผลตอบแทนของกองทุนเปิดกรุงศรีไทยสมอล-มิดแคปอิควิตี้ (KFTHAISM) ที่มีนโยบายลงทุนในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET )และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี โดยเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80 % ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน(เอ็นเอวี)
สำหรับพอร์ตลงทุนของกองทุนเปิดกรุงศรีไทยสมอล-มิดแคปอิควิตี้ (ณ วันที่ 30 มิ.ย. 59) มี 5 หมวดแรกที่ลงทุน ประกอบด้วยพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 16.61% พาณิชย์ 15.72% สื่อและสิ่งพิมพ์ 12.85% เงินทุนและหลักทรัพย์ 9.43% และหมวดการแพทย์ 8.69%
ส่วน 5 อันดับแรกของหุ้นที่ลงทุน ประกอบด้วย บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด(มหาชน)(บมจ.) สัดส่วน 7.26% บมจ.เมืองไทย ลิสซิ่ง 6.44% บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น 5.94% บมจ. เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ 5.88% บมจ.ทีทีซีแอล 5.61% โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ย ณ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2559 อยู่ที่ 16%
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย เปิดเผยว่า กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้น มิด-สมอล แคป (KTMSEQ) สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ตั้งปีที่ผ่านมา โดยปรับตัวขึ้นประมาณ 25.64 % ในขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์( SET Index ) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 18.33 % ซึ่งเป็นกองทุนที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดีอยู่ในอันดับต้นๆ ของอุตสาหกรรม จากการจัดอันดับของมอร์นิ่งสตาร์ ณ วันที่ 29 กรกฎาคม 2559
กองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดกลาง และขนาดเล็ก ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80 % ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
นางชวินดากล่าวว่า สาเหตุที่กองทุนสร้างผลตอบแทนได้สูง เนื่องจากบริษัทใช้กลยุทธ์ในการเลือกหุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงตามปัจจัยพื้นฐาน มีศักยภาพในการเติบโตที่มั่นคงและสามารถสร้างอัตราการเติบโตของกำไรได้ ถึงแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจมีความผันผวน
อย่างไรก็ตามจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านทางโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่จากทางภาครัฐ สภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ และสภาพคล่องที่สูงทั่วโลก ยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในช่วงครึ่งปีหลัง
"การที่หุ้นในกลุ่มขนาดกลาง-เล็ก ยังคงมีพีอี เรโช อยู่ในระดับที่ไม่แพง ในขณะที่พีอี ของตลาดอยู่ใกล้เคียงเป้าหมายของปีนี้ จึงถือว่ายังเป็นโอกาสดีที่จะเข้าลงทุนในกองทุนที่ลงทุนหุ้นกลางและเล็ก " นางชวินดากล่าว
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บลจ.ทิสโก้ กล่าวเช่นเดียวกันว่า กองทุนเปิด ทิสโก้ มิด/สมอล แคป อิควิตี้ (TISCOMS) ซึ่งเป็นกองทุนเปิดภายใต้การบริหารของบริษัทสามารถสร้างผลตอบแทนสูงถึง 43.89% นับแต่จัดตั้งกองทุนนับแต่จัดตั้งกองทุนมาได้ 3 ปี ขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ให้ผลตอบแทนที่ 5.76% เท่านั้น
นโยบายการลงทุนของกองทุนมีการบริหารเชิงรุก ไม่เน้นการอ้างอิงผลตอบแทนกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ แต่เน้นกระบวนการเฟ้นหาหุ้นขนาดไม่ใหญ่ที่มีศักยภาพในการเติบโตและทำกำไร โดยคัดสรรจากบริษัทจดทะเบียนขนาดกลางและขนาดเล็กในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งมีอยู่ประมาณ 518 บริษัท และในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ที่มีอยู่ประมาณ 100 บริษัท ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพประมาณ 40-50 บริษัท
นอกจากนี้ทีมผู้จัดการกองทุนของบลจ.ทิสโก้ จะเลือกอีกขั้นซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้าย ด้วยการเยี่ยมชมกิจการ พูดคุยกับผู้บริหาร รวมถึงการวิเคราะห์เชิงลึกให้มากขึ้น เพื่อทำบทวิเคราะห์หุ้นเป็นรายตัว หามูลค่าที่แท้จริงของหุ้นก่อนเข้าลงทุน แล้วจึงคัดสรรหุ้นมาเข้าพอร์ต ประมาณ 15-20 ตัว
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,181 วันที่ 7 - 10 สิงหาคม พ.ศ. 2559