สปสช.จัดกิจกรรมศึกษาเรียนรู้ “ร่าง รธน.” ก่อนลงประชามติ

05 ส.ค. 2559 | 08:40 น.
สปสช.จัดกิจกรรมศึกษาเรียนรู้ “ร่างรัฐธรรมนูญ” ก่อนลงประชามติ กรธ.แจงชัด เนื้อหาไม่ล้มบัตรทอง แถมเป็น รธน.ฉบับแรกระบุถึง “ระบบหลักประกันสุขภาพ” ทั้งสร้างความเสมอภาคและเท่าเทียม พร้อมเปิดการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วนพัฒนาระบบสุขภาพของประเทศ แนะเนื้อหาร่าง รธน.ต้องอ่านทั้งฉบับ มองแค่มาตราเดียวไม่ได้

วันนี้(5 ส.ค.59) ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถ.แจ้งวัฒนะ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้จัดกิจกรรมศึกษาเรียนรู้ “ร่างรัฐธรรมนูญ” โดยได้เชิญกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ร่วมบรรยายและชี้แจงการจัดทำเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับระบบหลักประกันสุขภาพและการบริการสาธารณสุข ซึ่งจะมีการเปิดให้ประชาชนร่วมลงประชามติในวันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม นี้ โดยมี นพ.วิทยา ตันสุวรรณนนท์ รองเลขาธิการ สปสช. พร้อมด้วยผู้บริหารและตัวแทนเจ้าหน้าที่ สปสช. เข้าร่วม พร้อมกับมีการถ่ายทอดวีดีโอผ่านทางไกลไปยังสำนักงาน สปสช.ทั้ง 13  เขต

นายภัทระ คำพิทักษ์ อดีตนายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย หนึ่งในกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า การพิจารณาเนื้อหาร่าง รธน. ด้านใดด้านหนึ่งนั้น จำเป็นต้องพิจารณาเนื้อหาของ รธน.ทั้งฉบับ ไม่ว่าจะอยู่ในหมวดสิทธิและเสรีภาพประชาชน หมวดหน้าที่ของรัฐ เนื่องจากแต่ละมาตราจะมีการเชื่อมโยงไปยังมาตราอื่นๆ เช่นเดียวกับเนื้อหาด้านระบบบริการสาธารณสุขและสุขภาพ โดยร่าง รธน.ฉบับนี้ยังคงสิทธิการเข้าถึงบริการของประชาชนเช่นเดิม ไม่ได้มีเนื้อหาที่ตัดทอนหรือล้มระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติตามที่มีความพยายามนำเสนอ

ทั้งนี้ในมาตรา 47 ข้อความที่ระบุ คนยากไร้อนาถาที่กำลังถูกวิจารณ์นั้น หากพิจารณาในวรรคแรกที่ระบุว่า บุคคลย่อมได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐแล้ว ถือว่าเป็นสิทธิที่ให้การครอบคลุมการดูแลประชาชนทั้งหมดแล้ว เพียงแต่หากคนไม่เข้าใจหลักสิทธิและหน้าที่ของรัฐ และไม่ได้อ่านรัฐธรรมนูญทั้งฉบับก็จะไม่เข้าใจ และคิดไปว่าเป็นการจำกัดสิทธิบริการเฉพาะผู้ยากไร้เท่านั้น ทั้งในมาตรา 55 ที่กำหนดให้รัฐต้องให้บริการสาธารณสุขอย่างมีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง โดยในวรรคที่ 2 ของมาตรานี้ ยังได้มีการขยายความการให้บริการสาธารณสุขตามวรรค 1 ที่ต้องครอบคลุมทั้งการส่งเสริมสุขภาพ การควบคุมและป้องกันโรค การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสุขภาพ นอกจากนี้ยังมีมาตรา 213 และมาตราอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

“จากเนื้อหาด้านสุขภาพที่ระบุในร่าง รธน .ฉบับนี้ โดยเฉพาะในวรรคที่ 2 มาตรา 55 และหากร่าง รธน.ผ่านประชามติ ความเสมอภาคในการเข้าถึงระบบบริการสุขภาพจะเกิดขึ้นครั้งแรกโดยมาตรานี้ ประชาชนในทุกกองทุนสุขภาพจะได้ 4 อย่างนี้เสมอกัน ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าปัจจุบันผู้มีสิทธิทั้ง 3 กองทุน ยังไม่ได้รับสิทธิ์บริการ 4 อย่างนี้เสมอกัน”

นายภัทระ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้มาตรา 258 ในมาตรา 94 (4) ซึ่งระบุให้มีการปรับระบบหลักประกันสุขภาพ เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าจะยังคงอยู่ ไม่ได้หายไป ทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ รธน.ได้มีการเขียนถึงระบบหลักประกันสุขภาพ ที่เป็นการรับรองระบบสุขภาพทั้ง 3 ระบบไว้ใน รธน. ดังนั้นใครจะล้ม 30 บาท คงทำไม่ได้เพราะมีการเขียนชัดเจนไว้ใน รธน.แล้ว พร้อมกันนี้ยังกำกับให้มีการปรับระบบหลักประกันสุขภาพเพื่อให้ประชาชนได้สิทธิประโยชน์จากการบริการและการเข้าถึงที่มีคุณภาพ สะดวกและทัดเทียมกัน

“กรธ.ไม่ได้เป็นคุณพ่อรู้ดีที่จะกำหนดทุกอย่างเอง ไม่ว่าจะเป็นการร่วมจ่าย การสร้างความเท่าเทียม จึงเป็นการเขียนเนื้อหาในลักษณะที่เปิดให้ผู้รู้ทั้งหลายและผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบหลักประกันสุขภาพทั้งหมด รวมถึง สปสช. มาร่วมกันพัฒนาและยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพที่นำไปสู่การปฏิรูประบบสาธารณสุขของประเทศ”  กรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวและว่า ทั้งนี้การร่าง รธน.มาจากการรวบรวมทุกความเห็นที่ส่งเข้ามายัง กรธ. และมีการเปิดเผยที่มาให้ประชาชนรับทราบที่เป็นการเน้นการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน

ด้าน นายศุภชัย ยาวะประภาษ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ร่าง รธน.หมวดที่สำคัญมากคือหมวดทั่วไปที่รองรับทุกอย่าง โดยในมาตรา 4 นั้นมีวรรคแรกเป็นบรรทัดฐานหลัก ส่วนวรรคที่ 2 นั้น กำหนดชัดว่าปวงชนชาวไทยย่อมได้รับความคุ้มครองเสมอกัน ซึ่งได้ครอบคลุมทั้งหมดแล้ว แต่ในร่าง รธน.เอง จำเป็นต้องมีแต้มต่อเพื่อช่วยให้บุคคลบางกลุ่มสามารถเข้าถึงสิทธิ์ได้ ดังนั้นรัฐธรรมนูญจึงเป็นเรื่องที่อ่านและเข้าใจได้ยาก

ขณะที่ในส่วนของมาตรา 55 ที่ไม่ค่อยพูดถึงกัน คือ ในวรรคที่ 3 ระบุว่า รัฐต้องพัฒนาบริการสาธารณสุขให้มีคุณภาพและมาตรฐานที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการเขียนเนื้อหาในเชิงหลักการที่เป็นการท้าทายเท่านั้น แต่จะพัฒนาอย่างไรนั้น ร่าง รธน.คงไปเขียนรายละเอียดไม่ได้ ซึ่งคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในระบบสาธารณสุขต้องร่วมกันคิดและตอบเพื่อทำให้ระบบบริการมีคุณภาพและมาตรฐานที่สูงขึ้นกว่าปัจจุบัน ทั้งนี้สิ่งต่อจากนี้ที่พวกเราต้องคอยดูถ้าร่าง รธน.มีโอกาสประกาศใช้ คือต้องดูแลให้การดำเนินการเป็นไปตามที่บัญญัติไว้ ซึ่งรวมถึงสิทธิการเข้าถึงระบบหลักประกันสุขภาพ