ธุรกิจโมบาย-คลาวด์โชว์แววสดใส หนุนรายได้บริษัทเทคฯ ยักษ์ใหญ่

04 ส.ค. 2559 | 08:00 น.
รายงานผลประกอบการล่าสุดจากบริษัทเทคโนโลยีแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่แข็งแกร่งของธุรกิจ 2 ส่วน คือโมบายและคลาวด์ กลายมาเป็นธุรกิจที่ทำรายได้ที่สำคัญให้กับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่พยายามรุกขยายไปยังธุรกิจดังกล่าว
เดอะ วอลล์ สตรีต เจอร์นัล รายงานว่า เฟซบุ๊ก และอัลฟาเบ็ต บริษัทแม่ของกูเกิล รายงานผลประกอบการเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยผลกำไรที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก จากอานิสงส์ของการใช้งานที่เพิ่มขึ้นบนแพลตฟอร์มโมบาย ส่งผลให้เจ้าของโฆษณาอัดฉีดเม็ดเงินไปยังแพลตฟอร์มดังกล่าวมากขึ้นเพื่อเจาะเข้าหากลุ่มผู้บริโภค

ในขณะเดียวกัน อเมซอนและไมโครซอฟท์ รายงานผลประกอบการที่ดีกว่าความคาดหมายของนักลงทุน จากความแข็งแกร่งของธุรกิจในการรับเก็บข้อมูลบนเซิร์ฟเวอร์ หรือระบบคลาวด์

ความเติบโตอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจทั้ง 2 ส่วนนี้มีความเกี่ยงเนื่องกัน โดยการที่ผู้บริโภคหันมาใช้งานอุปกรณ์โมบายแทนคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลมากขึ้น ก็ทำให้มีความจำเป็นสำหรับการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์เพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากอุปกรณ์อย่างสมาร์ทโฟนมีพื้นที่จัดเก็บน้อยกว่าคอมพิวเตอร์ และการบริโภคข้อมูลโดยรวมก็มีเพิ่มมากขึ้น ทำให้การใช้งานคลาวด์เพิ่มมากขึ้น

"เรามองว่าโมบายและโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ทำงานไปด้วยกัน คลาวด์ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของอุปกรณ์โมบายให้มีมากขึ้น" เบน สแตนตัน นักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัย คาลาลิส ให้ความเห็น ทั้งนี้ คานาลิสคาดการณ์ว่า บริษัทต่างๆ ใช้จ่ายกับคลาวด์เพิ่มขึ้น 52% ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนใหญ่มีปัจจัยมาจากความต้องการการใช้งานทางโมบายเพิ่มขึ้น

เฟซบุ๊กกล่าวว่า โฆษณาทางโมบายคิดเป็นสัดส่วน 84% ของรายได้โฆษณาทั้งหมด 6.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในไตรมาสก่อน เทียบกับสัดส่วนเพียง 11% เมื่อปี 2555 ขณะที่กำไรของเฟซบุ๊กทำสถิติสูงสุด 2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ด้านกูเกิลรายงานรายได้เพิ่มขึ้น 21% จากอานิสงส์ของการเติบโตของรายได้จากทางโมบาย กูเกิลกล่าวว่าเวลานี้เจ้าของโฆษณายินดีที่จะจ่ายเงินโฆษณาบนสมาร์ทโฟนมากขึ้น ส่วนหนึ่งเนื่องจากโมบายเว็บไซต์พัฒนาขึ้น และบริษัทเทคโนโลยีอย่างกูเกิลพัฒนาฟอร์แมตของการโฆษณาทางโมบายให้ดีขึ้นด้วย

ในทางกลับกัน ผลประกอบการของบริษัทผู้ผลิตฮาร์ดแวร์มีแนวโน้มที่แตกต่างกันไป แอปเปิลได้อานิสงส์จากการเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดสมาร์ทโฟนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ในปัจจุบันตลาดในหลายประเทศเริ่มเข้าสู่ภาวะอิ่มตัว ส่งผลต่อผลกำไรของแอปเปิล ซึ่งกล่าวว่ายอดขายไอโฟนในไตรมาสที่ผ่านมาลดลงเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน ทำให้กำไรลดลง 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอีกหลายรายยังสามารถทำยอดขายเติบโตได้ ซึ่งรวมถึงซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ และหัวเว่ย เทคโนโลยี

แม้ว่ายอดขายสมาร์ทโฟนของแอปเปิลจะลดลง แต่แอปเปิลกล่าวว่า สามารถทำรายได้จากธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับสมาร์ทโฟนได้เพิ่มขึ้น 19% เป็นเกือบ 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเป็นรายได้จากการขายแอพพลิเคชัน การสมัครสมาชิกแอปเปิลมิวสิก ตลอดจนค่าธรรมเนียมการใช้บริการแอปเปิลเพย์ ทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแอปเปิล คาดหมายว่าธุรกิจในส่วนดังกล่าวจะเติบโตขึ้นได้อีกมากในช่วงปีหน้า

ขณะที่อเมซอนรายงานรายได้จากธุรกิจคลาวด์เพิ่มขึ้นถึง 58% เป็น 2.89 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในไตรมาส 2 ช่วยให้บริษัททำกำไรเป็นสถิติสูงสุด 857 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเกือบ 2 เท่าของสถิติกำไรสูงสุดเดิม ด้านไมโครซอฟท์รายงานรายได้ในธุรกิจดังกล่าวเพิ่มขึ้น 6.6% เป็น 6.71 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตรงข้ามกับธุรกิจซอฟต์แวร์วินโดว์สที่รายได้ลดลง 3.7% เป็น 8.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,180 วันที่ 4 - 6 สิงหาคม พ.ศ. 2559