บิ๊กเนมเปิดศึกผ่านออนไลน์ ทุ่มงบดึงคนรุ่นใหม่ชมโครงการชี้เพิ่มยอดขายเร็ว

02 ส.ค. 2559 | 03:00 น.
บิ๊กอสังหาฯเปิดแนวรุกตลาดออนไลน์ ชี้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้รวดเร็ว เอพี รับช่วยดึงลูกค้าที่ต้องการซื้อจริงเข้าเยี่ยมชมโครงการได้มากถึง 40% และยอดเข้าชมเว็บกว่า 2 ล้านคนแสนสิริ เพิ่มงบออนไลน์ปี 59 กว่า 50% โชว์รางวัลการันตีผู้นำการตลาดด้านสื่อออนไลน์ด้าน เว็บไซต์อสังหาฯ เปิดงบการตลาดผ่านโลกไซเบอร์สูงถึง 2-3 พันล้านบาท

[caption id="attachment_76835" align="aligncenter" width="700"] งบโฆษณาออนไลน์ ของบริษัทอสังหาฯรายใหญ่ งบโฆษณาออนไลน์ ของบริษัทอสังหาฯรายใหญ่[/caption]

นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายธุรกิจคอนโด และกลยุทธ์การตลาด บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า การตลาดผ่านสื่อดิจิตอล ณ วันนี้ถือว่ามีประสิทธิภาพ ด้วยรูปแบบของสื่อที่เข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้บริษัทให้ความสำคัญกับการทำการตลาดผ่านสื่อออนไลน์ค่อนข้างมาก นอกจากจุดเด่นที่รวดเร็วเข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลาแล้ว การนำเสนอข้อมูลก็ทำได้หลากหลายรูปแบบ ใส่ได้ทั้งเสียงและภาพเคลื่อนไหวไม่มีข้อจำกัดในเรื่องพื้นที่หรือลูกเล่น ภายใต้งบประมาณที่ลงทุนน้อยกว่าสื่อออฟไลน์

บริษัทใช้เครื่องมือออนไลน์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาผ่าน Googleโซเชียลมีเดียอย่าง เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม เว็บแบนเนอร์ หรือการรีวิวผ่านบล็อกเกอร์ ซึ่งทั้งหมดจะลิงค์กลับมาเข้าสู่เว็บกลางของบริษัท ถ้าย้อนดูตัวเลขการเข้าเยี่ยมชมเว็บ apthai.comในช่วงครึ่งปีแรกจะพบว่า มีคนเข้าดูข้อมูลโครงการในเครือเอพีมากกว่า 2,240,040 คน โดยแบ่งเป็นการเข้ามาดูข้อมูลในส่วนคอนโดมิเนียมมากถึง 41% รองลงมาเป็นทาวน์โฮม 38% และบ้านเดี่ยว 21% ซึ่งจากตัวเลขจะเห็นได้ว่าลูกค้ากลุ่มคอนโดมิเนียมและทาวน์โฮมที่ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ มีพฤติกรรมเลือกเข้าหาข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์เป็นอันดับต้นๆ ซึ่งสื่อออนไลน์สามารถดึงลูกค้าที่มีความต้องการที่จะซื้อจริงเข้าเยี่ยมชมโครงการได้มากถึง 40% จากจำนวนลูกค้าที่ลงทะเบียนสนใจโครงการ

"วันนี้เราถือว่าสื่อออนไลน์มีส่วนทั้งในการช่วยการรับรู้ข้อมูลโครงการและสร้างยอดขายได้ไม่ต่างจากสื่อออฟไลน์ โดยในปี 2559 บริษัทมีการจัดสรรงบประมาณผ่านสื่อออนไลน์ 15-20% จากงบการตลาดทั้งปีที่ประมาณกว่า 900 ล้านบาท สำหรับสัดส่วนการโฆษณาหลักยังคงเป็นบิลบอร์ด 40% ที่เหลืออยู่ในส่วนของออกไลน์และออฟไลน์ เช่น วิทยุ ข้อความทางมือถือ เว็บไซต์ เฟซบุ๊ก อี-เมล์ การทำการตลาดผ่านสื่อออนไลน์นับวันยิ่งจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกับกลุ่มคนรุ่นใหม่"นายวิทการ กล่าว

ด้านนายสมัชชา พรหมศิริ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายสื่อสารองค์กรและระบบฐานข้อมูลการตลาดบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การทำการตลาดผ่านระบบออนไลน์ ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว และสามารถแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อมูลได้ทันที โดยในปีนี้บริษัทมีการเพิ่มงบประมาณในส่วนของการทำสื่อออนไลน์เพิ่มขึ้น 50% จากปี 2558 ถือเป็นสัดส่วนมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด บริษัทได้รับรางวัลชนะเลิศหมวด Top Zocial Awards ประเภท "Top Brand Engaged on Social Media by Category "Real Estate" จากงาน "Thailand Zocial Awards 2016" ในฐานะแบรนด์ที่ใช้เครื่องมือโซเชียลมีเดียและสื่อออนไลน์ในการทำกลยุทธ์สื่อสารการตลาดและสร้างการรับรู้แบรนด์ไปยังผู้บริโภคยุคใหม่ในวงกว้างยอดเยี่ยม และมียอดผู้ติดตามมากที่สุดใน 4 ช่องทาง ได้แก่ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ และยูทูบ ถือเป็นรางวัลตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของแสนสิริด้านผู้นำในวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยที่สื่อสารการตลาดผ่านสื่อสมัยใหม่สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง

"การทำการตลาดผ่านสื่อออนไลน์หัวใจสำคัญคือจะต้องปรับเนื้อหาและรูปแบบการนำเสนอให้สอดคล้องกับอุปกรณ์การสื่อสารนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน หรือแท็บเลต เพื่อให้เกิดการเข้าถึงของแหล่งข้อมูลที่สะดวกรวดเร็ว เนื่องจากอุปการณ์การสื่อสารมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง"

ในส่วนของ นายสุเชฏฐ์ ฤทธีภมร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท คิดเรื่องอยู่ จำกัด ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Think of Living สื่อออนไลน์ด้านอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า จากข้อมูลของบริษัทฯ พบว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาพัฒนาการด้านการใช้สื่อบนโลกออนไลน์เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการรีวิวโครงการที่อยู่อาศัยผ่านเว็บไซต์ Think of Living มากกว่า 1,200 โครงการ โดยผู้เข้าชมกว่า 50% จะค้นหาที่อยู่อาศัยประเภท คอนโดมิเนียม รองลงมาคือ ทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว ทั้งนี้ทั่วประเทศ มียอด traffic ต่อเดือนถึง 2 ล้านครั้ง

นอกจากนี้บริษัทมีสื่อออนไลน์อื่นๆ เพื่อสนับสนุนเว็บไซต์หลัก ได้แก่ เฟสบุ๊ค ซึ่งปัจจุบันมียอดไลก์ถึง 501,317 และยูทูบ (Youtube) ซึ่งมียอดติดตาม 35,000 มากขึ้นถึง 500% หรือ 5 เท่า จากปี 2557 (เพิ่มจาก 7,000 เป็น 35,000 วิว) ทำให้บริษัทได้เห็นถึงพัฒนาการของทุกส่วน ตั้งแต่ผู้บริโภค นักการตลาด และผู้พัฒนาโครงการ จากการเติบโตของสื่อออนไลน์ นอกจากนี้ยังพบว่าตัวเลขของมูลค่างบสื่อออนไลน์เฉพาะอสังหาฯในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 4% หรือประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท และในครึ่งปีแรกของปี 2559 มีการเติบโตอย่างมากคาดว่าถึงสิ้นปีจะเติบโต 8%

“สำหรับพฤติกรรมผู้บริโภคในการซื้อที่อยู่อาศัยนั้นมองว่า ในช่วง 5-10 ปีข้างหน้า สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากๆ ในกรุงเทพฯ คือ โครงข่ายรถไฟฟ้าทำให้ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องหาคอนโดฯติดรถไฟฟ้าในเมือง แต่สามารถขยับไปอยู่ขอบๆ เมืองหรือแม้แต่ปริมณฑล ในขณะที่การเข้าถึงสื่อออนไลน์ก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ”นายสุเชฏฐ์กล่าว

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,179
วันที่ 31 กรกฎาคม - 3 สิงหาคม พ.ศ. 2559