ปูดบิ๊กสวทช.กอดเก้าอี้นำประท้วง ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง

26 ก.พ. 2565 | 08:45 น.

ปูดบิ๊ก "สวทช." กอดเก้าอี้นำประท้วง ระบุ ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง หวั่นสูญอำนาจเสียผลประโยชน์ตัวเองและพวกพ้อง

จากกรณีที่มีประเด็นการสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และฝ่ายบริหารประจำบางคน รวมทั้งขบวนการมาเฟียผู้อาวุโสที่พยายามมีการเรียกร้องให้มีการตรวจสอบคุณสมบัติการสรรหา ผู้อำนวยการ สวทช.คนใหม่ซึ่งที่ผ่านมา บอร์ด กวทช. ชุดใหม่มีเกือบครึ่งที่มาจากบอร์ด กวทช. ชุดเดิม

 

และผลของการสรรหามีมาตั้งแต่ บอร์ด กวทช. ชุดเดิม และมีการตรวจสอบ ทบทวน และประชุมในทุกประเด็นอย่างรอบคอบ เที่ยงธรรมตามระเบียบกฎหมาย โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ประเทศชาติเป็นสำคัญ ไม่ใช่การเรียกร้องเพื่อการรักษาผลประโยชน์ของกลุ่มอำนาจปัจจุบันนั้น


เมื่อวันที่ 26 ก.พ. รายงานข่าวจาก สวทช.แจ้งว่า  ปัญหาของสวทช. ตอนนี้คือ ผู้บริหารใน สวทช.ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง และพยายามนำประเด็นที่ขาดหลักฐานที่จะก่อให้เกิดความเสียหายกับผู้รับการคัดสรร และองค์กร สวทช.

 

อีกทั้งกลุ่มผู้ให้ข้อมูลสาธารณะก็เป็นผู้บริหารระดับสูงใน สวทช. ที่นำข้อมูลและผลคะแนนมาเปิดเผยรวมทั้งรายละเอียดข้อมูลการประชุมลับ ทั้งๆที่การสรรหายังไม่จบสิ้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมต่อการบริหารภาวะความเป็นผู้นำองค์กร

 

ขาดการตระหนักถึงหน้าที่ความรับผิดชอบที่มีต่อชื่อเสียง เกียรติยศขององค์กร สวทช. และบุคลากรส่วนใหญ่ที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงของ สวทช. ในด้านการบริหารที่โปร่งใส เป็นธรรม ปราศจากข้อร้องเรียนการทุจริต

ที่สำคัญยังนำผลงานไปใช้ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องเพื่อหาประโยชน์อันมิชอบ การเข้าไปบริหารบริษัทร่วมทุนเอกชนที่ส่อว่าอาจมีผลประโยชน์แอบแฝงและขาดทุนอย่างน่าสงสัย รวมทั้งการพิจารณาการจัดซื้อจัดจ้างในอดีตแบบเฉพาะเจาะจงที่มีมูลค่างานสูง ทั้งๆที่มีผู้ประกอบการหลายรายมีความพยายามมุ่งมั่นและตั้งใจจริงที่จะพัฒนา สวทช. ของ บอร์ด กวทช. ในชุดปัจจุบัน โดยไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง 

 

เป็นที่น่าสังเกตว่า ตั้งแต่คณะกรรมการสรรหาที่มีการแต่งตั้งมาตั้งแต่บอร์ด กวทช. ชุดเดิมก่อนหน้านี้ และเป็น กวทช. ในชุดปัจจุบันด้วย ล้วนเป็นผู้บริหารระดับประเทศที่มีความซื่อตรงโปร่งใส เป็นธรรม อาทิ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ นายกลินท์ สารสิน นพ.สุวิทย์ วิบูลผลประเสริฐ นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา และ ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากูล

 

อีกทั้งยังผ่านการทบทวนกลั่นกรองและตรวจสอบคุณสมบัติ ประเด็นข้อสงสัยต่างๆอย่างรอบคอบรัดกุม เพื่อให้ได้ ผู้อำนวยการ สวทช.คนใหม่ ที่จะมาสร้างการเปลี่ยนแปลงองค์กรให้ขับเคลื่อนไปสู่ Thailand 4.0 ยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการ และพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรมไปสู่ประเทศที่มีอันดับนวัตกรรมโลก 1 ใน 30 ของโลก ภายในปี 2578 ตามที่ท่านนายกรัฐมนตรีประกาศไว้

ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ที่มีการประท้วง ล้วนเกิดจากขบวนการปกป้องผลประโยชน์ของผู้อาวุโสบางกลุ่ม และผู้บริหารใน สวทช. ที่สูญเสียผลประโยชน์จากอำนาจในการบริหารงบประมาณแต่ละปีจำนวนกว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี และยังพบว่าพนักงาน และผู้บริหารส่วนใหญ่ใน สวทช. ที่มีความรักในองค์กร เป็นมืออาชีพและต้องการเห็นการพัฒนา

 

การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นกว่าเดิม ไม่ใช่การสร้างความขัดแย้งเพื่อประโยชน์ตนเองและพวกพ้องบางกลุ่ม จนทำให้องค์กรและประเทศชาติต้องเสียหาย เรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลง สวทช. แต่ไม่มีความต้องการมาขัดแย้งกับกลุ่มผู้บริหาร สวทช. ในปัจจุบัน.