บล.เคทีบี(ประเทศไทย)มองปัจจัยต่างประเทศส่วนใหญ่ชี้ไปในทางบวกต่อตลาดหุ้นไทย

21 ก.ค. 2559 | 03:00 น.
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (KTBST) เปิดเผยว่า ตลาดต่างประเทศได้แรงหนุนจากผลประกอบการไตรมาสที่สองที่ออกมาดีของบริษัทในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งเป็นวันที่บริษัทขนาดใหญ่ทั้งภาคการเงินและเทคโนโลยีนำส่งงบการเงิน รวมทั้งการรายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯที่ลดลง 2.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเล็กน้อย นอกจากนี้ ธนาคารกลางอังกฤษที่มีการรายงานว่าหลังจากมีการโหวต BRExit แล้วไม่มีสัญญาณชะลอตัวทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร น่าจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นอีกทางหนึ่ง โดยรวมแล้วน้ำหนักของปัจจัยต่างประเทศส่วนใหญ่ชี้ไปในทางบวกต่อตลาดหุ้นไทย

ขณะที่ธนาคารกลางใหญ่ 2 แห่ง ที่ตลาดกำลังให้ความสนใจ คือ การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ) ในสัปดาห์หน้าวันที่ 29 ก.ค. ว่าจะมีการเพิ่มวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจเป็น 2.0 ล้านล้านเยน สูงขึ้นจากที่ประมาณไว้ครั้งแรก 1 เท่าตัว ช่วยกดค่าเงินเยนและหนุนตลาดหุ้นญี่ปุ่นพุ่งขึ้นเช้านี้ ขณะที่การประชุมธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB เย็นวันนี้ (21 ก.ค.) เราอาจได้รับข่าวบวก หากมีการขยายเวลาการใช้ QE วงเงิน 8.0 หมื่นล้านยูโรต่อเดือนออกไปอีก ถ้าเป็นไปตามที่มีการคาดการณ์จริง จะทำให้ปริมาณเงินในระบบเพิ่มสูงขึ้น ลดความกังวลในเรื่องการขาดสภาพคล่องลงไประดับหนึ่ง เป็นเหตุที่จะทำให้กระแสเงินทุนจากต่างประเทศยังอยู่อยู่ในระดับสูงและไม่เคลื่อนย้ายเร็วนัก

ส่วนปัจจัยในประเทศในวันนี้มองว่าผลการดำเนินงานหุ้นกลุ่มธนาคารมีบางตัวต่ำกว่าที่ตลาดคาด อาจมีผลกระทบต่อราคาหุ้นเหล่านี้ได้ บล.KTBST จึงประเมินว่าภาพรวมของตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจจัยบวกเข้ามาในตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง เรายังคงให้น้ำหนักกับเรื่องของเงินทุนไหลเข้า (Fund Flow) ที่เข้ามาซื้อหุ้นตัวหลักๆ ของแต่ละกลุ่มต่อเนื่องจากวันก่อน ซึ่งจะทำให้ดัชนีในวันนี้ มีโอกาสเดินหน้าต่อจากวันก่อน

โดยกลยุทธ์การลงทุนนั้น จากการที่ดัชนีฯ ผ่านระดับ 1,500 จุด ขึ้นมาได้พร้อมด้วยแรงซื้อหุ้นที่หนาแน่น อีกทั้งยังไม่มีข่าวลบเข้ามาในตลาดทำให้ตลาดยังมีแรงส่งให้เดินหน้าต่อ โดยยังให้น้ำหนักกับหุ้นตัวหลักๆที่เป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างประเทศและสถาบัน โดยหุ้นที่คาดว่า จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน ประกอบด้วย PTT , KCE , BLA , BA มองกรอบดัชนีการลงทุนวันนี้ที่ 1,500-1,518 จุด

ส่วนหุ้นที่น่าสนใจนั้นคือ INTUCH  (ราคาปิด 60.00 บาท; ราคาที่เหมาะสมจาก KTBST 62.30 บาท) โดย INTUCH มีจุดเด่นด้านเงินปันผลที่สูงและสม่ำเสมอ จากข้อมูล 10 ปีย้อนหลัง INTUCH ให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ยสูงถึง 8.44% ต่อปี ในปีนี้คาดว่าจะจ่ายเงินปันผลได้ในอัตรา 3.36 บาท/หุ้น หรือคิดเป็น Dividend Yield 5.6% ซึ่งถือเป็นระดับที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตาม ADVANC และ THCOM ยังขาดปัจจัยระยะสั้นที่จะส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นในเวลาสั้น สำหรับ ADVANC (INTUCH ถือหุ้น 40%) มองว่าจะสามารถเติบโตได้ดีกว่าที่คาดในปีนี้ จากการที่บริษัทฯประมูลคลื่น 900 MHz ได้ทำให้สามารถให้บริการคลื่น 2G ได้ รวมถึงภาระค่าใช้จ่าย Handset Subsidy น้อยกว่าคาด แต่กำไรสุทธิคาดว่าจะหดตัวลงจากปีก่อนจากภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่รุนแรง และปัจจุบัน ADVANC อยู่ระหว่างเจรจาขอเช่าคลื่นและ Joint Venture กับ TOT ซึ่งอยู่ระหว่างการให้กฤษฎีกาตีความโดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปลายปีนี้  ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงาน THCOM (INTUCH ถือหุ้น 41%) ในปีนี้เรามองว่าเจอแรงกดดันจากการยกเลิกสัญญาของ CTH ข่าวการปรับสัญญาเป็นระบบสัมปทานกระทบ sentiment ในเชิงลบ ในขณะที่ยอด Presale ของดาวเทียม THCOM 8 อยู่ที่ระดับ 19% ซึ่งต่ำกว่าจุด Break Even ที่ 30% แต่ทางบริษัทยังคงตั้งเป้ายอด Presale ทั้งปีที่ 50%